เพราะอยาก (เรียน) รู้ จึงมาหา ‘ความรู้’

เพราะอยาก (เรียน) รู้ จึงมาหา ‘ความรู้’

เลอทีชา เมืองมีศรี และ ปิยพร เศรษฐศิริไพบูลย์ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) …โลกของการทำเกษตรอินทรีย์มีเรื่องให้เรียนรู้ไม่จบสิ้น เมื่อได้ออกเดินทางครั้งแรก ย่อมมีครั้งที่สอง … การเดินทางไกลครั้งที่สองของตัวแทนสมาชิกเครือข่ายผู้ผลิตผักอินทรีย์จังหวัดสงขลา ได้เริ่มต้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 2-6 มีนาคม 2568 หลังจากเมื่อปลายปี 2566 พวกเขาได้เดินทางไปเรียนรู้ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (คลิกอ่าน “จากสงขลาสู่เชียงใหม่ เรียนให้รู้ ดูให้เห็น ทำให้เป็น” ) ทริปหาความรู้ครั้งนี้ มีหมุดหมายที่ “วิสาหกิจชุมชนปันบุญ” “วิสาหกิจชุมชนปลูกผักปลอดภัยฆ้องชัยพัฒนา” อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ และ “คลีนฟาร์ม” ต.หนองหัวโพ อ.หนองแซง จ.สระบุรี “อยากเรียนรู้พร้อมลงมือปฏิบัติ ตั้งแต่ผสมปุ๋ยหมัก วิธีปลูก ดูแลรักษา

‘ชันโรง’ สร้างระบบนิเวศเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้ให้เกษตรกร

‘ชันโรง’ สร้างระบบนิเวศเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้ให้เกษตรกร

“อาชีพเราคือ เกษตรกร เราพัฒนาอาชีพโดยมุ่งเน้นที่ระบบนิเวศเป็นหลัก” ประโยคสั้นๆ แต่บอกถึงการทำเกษตรอินทรีย์อย่างมีเป้าหมายของ จิราภา พิมพ์แสง ประธานวิสาหกิจชุมชนปลูกผักปลอดภัยฆ้องชัยพัฒนา และประธานศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) ตำบลฆ้องชัยพัฒนา อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ย้อนไปกว่า 10 ปี พื้นที่ตำบลแห่งนี้เคยมี “ดงสวนผึ้ง” ที่ จิราภา ยังจำได้ดีถึงช่วงเวลาที่เข้าไร่มันสำปะหลังและต้องคอยหลบหลีกผึ้ง “ที่นี่เคยเป็นป่ามีผึ้งเยอะมาก ชาวบ้านตีผึ้ง เก็บน้ำผึ้งขายกัน สมัยก่อนหาง่าย แต่หลังๆ หายากขึ้น” จิราภา ย้อนความถึงป่าที่เคยเป็นบ้านหลังใหญ่ของผึ้ง ด้วยวิธีการเก็บน้ำผึ้งของชาวบ้านที่รมควันแล้วตัดทั้งรัง บวกกับการเช่าพื้นที่ปลูกอ้อยในระบบเคมี ส่งผลให้ประชากรผึ้งลดน้อยลง จึงเป็นจุดเริ่มให้เธอต้องการฟื้น “ดงสวนผึ้ง” เริ่มต้นจากปลูกป่าเพื่อสร้างบ้านให้ผึ้ง โดยชักชวนญาติพี่น้องปลูกป่าในพื้นที่ตนเองคนละงานคนละไร่แทนการปล่อยเช่า เมื่อเริ่มได้พื้นที่ป่าคืนมา แล้วจะทำอย่างไรให้ผึ้งกลับมา เป็นโจทย์ที่เธอต้องการหาคำตอบ “นั่งฟังอาจารย์แล้วรู้สึกว่าทำไมผึ้งขยัน