“การมีโรงเรือนเป็นการลงทุน ทำให้เราปลูกผักสลัดได้ ถ้าเราไม่มีจะหนักกว่า คำว่าปลูกได้ คือ ปลูกได้ขาย” ทวี ขาวเรือง ประธานวิสาหกิจชุมชนสวนบุญประสิทธิ์เกษตรเพื่อสุขภาพ ต.ท่าซอม อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช บอกถึงความจำเป็นที่ต้องใช้โรงเรือนปลูกผักจากสภาพอากาศฝนแปดแดดสี่ในภาคใต้และตำบลท่าซอมที่อยู่ใกล้ทะเล ในช่วงหน้ามรสุมจึงประสบปัญหาน้ำท่วมขัง และหากมีน้ำทะเลหนุน ชาวบ้านต้องรับสภาพน้ำท่วมเป็นแรมเดือน ขณะที่ช่วงหน้าแล้งขาดแคลนน้ำ ด้วยเป็นตำบลที่อยู่ปลายทางของคลองราชดำริ ส่งผลต่อการทำนา ปลูกผักและสวนผสมผสาน ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนในพื้นที่ “บ้านเรามีปัญหาน้ำท่วม ดินเค็ม โรคพืช ราคาผลผลิตที่คนปลูกไม่สามารถกำหนดราคาเองได้ ก็คิดว่าทำแบบนี้ยิ่งทำยิ่งจน ถ้าทำในรูปแบบกลุ่มจะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น” อาศัยที่มีบทบาทหลายอย่างทั้งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยไปรษณีย์และเก็บค่าน้ำในพื้นที่ ทำให้ ทวี รับรู้ถึงปัญหาและคิดหาทางออก เขาได้รู้จัก สำราญ ใหม่ยิ้ม และเกรียงไกร ถมแก้ว หรือ หลวงไก่ ซึ่งปลูกผักบริโภคและขายในชุมชน
สท. ติดตามกลุ่มเกษตรกร “ยกระดับการผลิตพืชผักในโรงเรือนแบบครบวงจร”
เมื่อวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2566 นักวิชาการ สท. และผู้เชี่ยวชาญ ลงพื้นที่ติดตามและให้คำแนะนำกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดนครศรีธรรมราชและสงขลา ที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีภายใต้โครงการ “การยกระดับการผลิตพืชผักในโรงเรือนแบบครบวงจร” “วิสาหกิจชุมชนสวนบุญประสิทธิ์เกษตรเพื่อสุขภาพ” ต.ท่าซอม อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และ “วิสาหกิจชุมชนหม่อนผลแปรรูปกลุ่มใต้ร่มบุญ” ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นกลุ่มเกษตรกรที่ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีโรงเรือนพลาสติกปลูกพืชและการบริหารจัดการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 และเกิดการสร้างเครือข่ายการผลิตผักอินทรีย์และขยายผลเทคโนโลยีไปกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่อีกหลายกลุ่ม จากการติดตามการผลิตผักในระบบโรงเรือน พบว่าเกษตรกรยังขาดความรู้ด้านพืชและการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ดังเช่น ปัจจัยที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช (ดิน ธาตุอาหาร สภาพอากาศ) การวางแผนการปลูก และการใช้โรงเรือนปลูกพืชอย่างมีประสิทธิภาพ สื่อความรู้ โรงเรือนปลูกพืช บทความ เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ PGS ใต้ร่มบุญ: ปันความรู้