RMT สวทช. ร่วมโชว์ผลงานวิจัย “ค้ำคูณ” ในงาน FTI EXPO 2025

13 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ (RMT) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)
นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ (สวทช.) พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการ เอ็มเทค  ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช.และ ดร.เอกรัตน์ ไวยนิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย RMT นำผลงาน รถสามล้อไฟฟ้า ‘KHamKoon (ค้ำคูณ) ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จัดแสดงในงาน

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า “ค้ำคูณ” เป็นหนึ่งในแผนงาน EV-Innovation ของ สวทช. ที่มุ่งเน้นการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการทดสอบและใช้งานจริง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ โดย “ค้ำคูณ” มีจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยีเฉพาะที่พัฒนาขึ้น คือ ‘มอเตอร์ควบคุมการขับเคลื่อนที่ควบคุมล้อแต่ละล้อได้อย่างอิสระตามสถานการณ์การขับขี่แบบอัตโนมัติ และ  ‘โครงสร้างรถที่มีศักยภาพในการเป็นเกราะเสริมความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร’

ทั้งนี้ “ค้ำคูณ” ยังเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของรัฐบาล โดยเฉพาะในด้านการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมืองและภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ

สวทช. โดยเอ็มเทค ยังมีแผนที่จะขยายผลนวัตกรรม “ค้ำคูณ” สู่การผลิตเชิงพาณิชย์โดยจะร่วมมือกับภาคเอกชนในการผลิตและจำหน่ายรถสามล้อไฟฟ้า “ค้ำคูณ” ในวงกว้าง เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้งานรถสามล้อไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างสะดวกสบาย เริ่มจากนำต้นแบบ “ค้ำคูณ” มาใช้ในการทำแซนด์บ็อกซ์ขับเคลื่อนระบบขนส่งสาธารณะ ดำเนินงานโดยสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ยังมีแผนที่จะต่อยอดนวัตกรรม “ค้ำคูณ” ไปสู่การใช้งานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีไทย และส่งเสริมการส่งออกนวัตกรรมของไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศอีกด้วย