กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 19 สิงหาคม 2565 – วีเอ็มแวร์ (NYSE: VMW) ผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมซอฟต์แวร์ระดับองค์กร เผยแพร่รายงานประจำปีเพื่อติดตามความเชื่อมั่นและความกังวลต่อประสบการณ์ดิจิทัลของผู้บริโภคทั่วโลก โดยผลสำรวจของ VMware Digital Frontiers 4.0 สะท้อนให้เห็นว่า ในโลกที่เต็มไปด้วยความต้องการเทคโนโลยีมากขึ้น ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) เปิดรับอนาคตที่ขับเคลื่อนดิจิทัลมากที่สุด และมีความต้องการประสบการณ์ดิจิทัลที่มากขึ้นและใช้ประโยชน์ของแอปพลิเคชันใหม่ ๆ เช่น Metaverse อย่างไรก็ตาม การสำรวจยังชี้ให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล Digital Gap ที่กว้างขึ้นระหว่างส่วนที่เข้าใจดิจิทัลกับส่วนที่อ่อนแอกว่าของสังคม และความคาดหวังของบทบาทของธุรกิจในการทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้บริโภคเพื่อให้เกิดประโยชน์จากพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสังคม
นายพอล ไซมอส รองประธานและกรรมการผู้จัดการ VMware ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี กล่าวว่า “ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันไม่ใช่แค่เกณฑ์ทางธุรกิจ แต่ได้กลายมาเป็นปรัชญาทางธุรกิจ องค์กรต้องเปิดใช้งานนวัตกรรมดิจิทัลเอง ในขณะที่มอบความอิสระและสร้างความมั่นใจให้กับนักพัฒนา ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และควบคุมธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต เมื่อเราเข้าสู่ทศวรรษหน้าจากการได้เห็นนวัตกรรมที่กระทบในอุตสาหกรรมและประเทศต่าง ๆ มากขึ้น ธุรกิจต่าง ๆ ควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการนำเสนอข้อเสนอดิจิทัลที่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้ปลายทางที่ดำเนินงานได้อย่างราบรื่นเช่นกัน”
ความเชื่อมั่นและความก้าวหน้า: ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจหลัง COVID-19
มากกว่าสามในสี่ (76.2%) ของผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อว่า เทคโนโลยีจะเป็นเครื่องมือหรือสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าเป็นอุปสรรคต่อผู้คนในช่วงการระบาดของ COVID-19 ซึ่ง (4%) สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก นอกจากนี้ผู้บริโภคใน SEA เป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ) โดย 77% ของผู้บริโภคที่นี่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เกิดขึ้นทั้งในรูปแบบของการทำงานและไลฟ์สไตล์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่เกาหลีและญี่ปุ่นอยู่ที่ 66.5% และ 48% ตามลำดับ
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่ตื่นเต้นและพร้อมสำหรับดิจิทัลมากที่สุด (64%) รองลงมาคือผู้บริโภคส่วนที่เหลือของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (62%) เพื่อเปิดรับประสบการณ์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในชีวิต สิ่งนี้ทำให้ผู้บริโภคในภูมิภาค APJ ใช้ดิจิทัลในไลฟ์สไตล์อย่างก้าวกระโดด ทิ้งห่างจากผู้บริโภคในภูมิภาคอื่นทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา (35%) สหราชอาณาจักร (37%) เยอรมนี (46%) ฝรั่งเศส (37%) อิตาลี (50%) และสเปน (47%)
ความตื่นเต้นในการใช้ Tech ในชีวิตประจำวัน และความคาดหวังจาก Metaverse
ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตื่นเต้นมากที่สุดที่จะเปิดรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดย 51% แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมที่จะเปิดรับประสบการณ์เรื่องการใช้หุ่นยนต์เพื่อการดูแลสุขภาพและจัดการเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ แซงหน้าคู่แข่งทั่วโลก (42%) หนึ่งในสี่ (25%) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะยอมให้ศัลยแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิทำการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ที่ควบคุมจากคอนโซล แทนที่จะทำด้วยตัวเอง ซึ่งมากกว่าผู้บริโภคในญี่ปุ่นถึง 8%
40% ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า Metaverse จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งมากกว่า 10% จาก (27%) ค่าเฉลี่ยโลก น่าแปลกที่ผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (36%) ยังแสดงความกระตือรือร้นต่อการใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงทุกวันในการเข้าถึง Metaverse มากกว่าโลกจริง โดยที่เกาหลี (24%) แสดงความสนใจน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ เล็กน้อย (23%) ขณะที่ญี่ปุ่น (9%) สนใจ Metaverse น้อยที่สุด
ความคาดหวังที่สูงขึ้นต่อการให้บริการและการก้าวสู่ความเป็นดิจิทัลของธุรกิจ
ในขณะที่ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รู้สึกตื่นเต้นและมั่นใจมากที่สุดสำหรับเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของพวกเขา พวกเขายังมีความคาดหวังที่สูงขึ้นว่าจะได้รับประสบการณ์ดิจิทัลจากธุรกิจต่าง ๆ ผู้บริโภคเกือบครึ่ง (49%) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 46% ในเกาหลีจะเลือกรับบริการจากผู้ให้บริการรายอื่น หากผู้ให้บริการเดิมยังให้พวกเขาดำเนินการด้านเอกสารที่สาขา เช่น กรอกแบบฟอร์มที่สาขา โดยเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 38%
ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 6 ใน 10 คน (60%) คาดหวังว่าผู้ให้บริการจะใช้ AI และ ML เพื่อช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ในขณะที่ความคาดหวังของผู้บริโภคชาวเกาหลี (45%) นั้นใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 48%
ผู้บริโภคต้องการความโปร่งใสในการนำข้อมูลไปใช้มากขึ้น
เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลยังคงเป็นข้อกังวลหลักสำหรับผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ 72% ของผู้ตอบแบบสอบถามจากสิงคโปร์รู้สึกว่าพวกเขาไม่รู้ว่าข้อมูลของพวกเขาถูกนำไปใช้อย่างไรและใครบ้างที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ ชาวมาเลเซีย (32%) กลัวการสูญเสียความเป็นส่วนตัวหรือถูกแฮ็กโดยองค์กรที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลมากที่สุด ด้านผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศไทยมีความวิตกอย่างมาก (69%) เกี่ยวกับการถูกองค์กรติดตามบนอุปกรณ์ส่วนตัว ตามมาด้วยสิงคโปร์ (62%) และฟิลิปปินส์ (60%)
46% ของผู้ตอบแบบสอบถามใน SEA รู้สึกว่า รัฐบาลและองค์กรต่าง ๆ ควรมีความโปร่งใสมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาสังคมให้เปลี่ยนแปลงในเชิงบวก แม้ว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคจะยังต่ำกว่าตัวเลขทั่วโลก (51%) แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเล็กน้อย เช่น ญี่ปุ่น (37%)
ช่องว่างดิจิทัลกว้างขึ้น
การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างรวดเร็วยังสร้างความกังวลให้กับช่องว่างทางดิจิทัลที่กว้างขึ้น 67% ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กังวลว่า ญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาตามไม่ทันโลกดิจิทัลใหม่ โดยสิงคโปร์ (75%) และไทย (70%) กังวลมากที่สุด และญี่ปุ่น (45%) กังวลน้อยที่สุด
ส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยว่า ต้องปรับปรุงการเข้าถึงและสร้างโอกาสในการใช้เทคโนโลยีในพื้นที่ชนบทเพื่อสร้างสังคมดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย (81%) ตามด้วยฟิลิปปินส์ (78%) และไทย (74%) ในการปลดล็อกศักยภาพของเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ รัฐบาลและองค์กรต่าง ๆ จะต้องวางกลยุทธ์ในความพยายามอย่างเท่าเทียมต่อชุมชนที่ด้อยโอกาสเพื่อนำ digital-first world มาสู่ความเป็นจริง
เศรษฐกิจเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและครอบคลุมสำหรับอนาคตที่มีอำนาจทางดิจิทัล
เศรษฐกิจดิจิทัลใน SEA กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วหลังเกิดโรคระบาด สะท้อนถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้า การสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นดิจิทัลของภูมิภาค แนวทางที่แข็งแกร่งที่ช่วยให้องค์กรสามารถส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือกว่าผ่านระบบคลาวด์ แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
ด้วยการรักษาความสำเร็จในระยะยาวและการเร่งการเติบโตในโลกการทำงานยุคใหม่ ธุรกิจต้องคิดใหม่ว่าลูกค้าของพวกเขาจะสามารถควบคุมเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ให้ความสำคัญกับดิจิทัลได้อย่างไร? VMware ระบุลำดับความสำคัญหลักที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคสู่ระบบเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น ครอบคลุม และเน้นนวัตกรรม:
- เพิ่มความสามารถให้ธุรกิจสร้างมัลติคลาวด์และพัฒนาแอปที่รองรับการใช้งานในอนาคต: ปลดล็อกอนาคตมัลติคลาวด์ด้วยนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยแอปเพื่อความคล่องตัวที่มากขึ้นในสภาพแวดล้อมที่สม่ำเสมอและปลอดภัยยิ่งขึ้นซึ่งทำให้เกิดนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
- การเปิดใช้งานนวัตกรรมและประสิทธิภาพการทำงานสำหรับพนักงานที่ทำงานจากทุกที่: โซลูชันสำหรับพนักงานที่รองรับการทำงานในอนาคตจะช่วยให้พนักงานได้รับประสบการณ์ดิจิทัลที่ราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในโลกการทำงานยุคใหม่
การรักษาความปลอดภัยที่แท้จริงสำหรับนวัตกรรม: แนวทางที่แท้จริงในการรักษาความปลอดภัยขององค์กรจะช่วยเพิ่มเลเยอร์การป้องกันที่แข็งแกร่งสำหรับการดำเนินงานและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อภารกิจ เพื่อติดตามนวัตกรรมทางธุรกิจและความยืดหยุ่นอย่างรวดเร็ว