ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีผลการทดสอบวัคซีนโควิด 19 ในประเทศฝั่งตะวันตกออกมาเป็นระยะ ซึ่งล้วนให้ผลดี เริ่มจากผลการทดสอบวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติอเมริกัน ซึ่งร่วมพัฒนาโดยนักวิจัยจากสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งสหรัฐฯ ให้สัญญาณที่ดีในการสร้างภูมิต้านทานแก่อาสาสมัครในระยะที่สอง และกำลังจะทดสอบวัคซีนระยะที่สามในวันที่ 27 กรกฎาคม ในกลุ่มอาสาสมัคร 30,000 คน ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ทางด้านฝั่งอังกฤษมีผลการทดสอบวัคซีนที่วิจัยโดยนักวิจัยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งได้ร่วมกับบริษัทเวชภัณฑ์ แอสตราเซเนกา ในการทดสอบกับกลุ่มอาสาจำนวน 1,000 คน ออกมาเช่นกัน มีผลตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ เดอะ แลงแซ็ท ยืนยันว่า วัคซีนชนิดนี้ช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานเพื่อสร้างสารภูมิต้านทานที่ใช้ในการป้องกันเชื้อก่อโรคโควิด 19 และยังสร้างการตอบสนองให้เซลล์ต่อสู้กับไวรัสชนิดนี้ด้วย
สำหรับการทดสอบวัคซีนของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะดำเนินการทดสอบต่อในกลุ่มตัวอย่างราว 10,000 คน ทั้งในอังกฤษ บราซิล แอฟริกาใต้ รวมถึงการทดสอบแยกต่างหากในสหรัฐ ซึ่งตั้งเป้าว่าจะรับอาสาสมัครราว 30,000 คน และคาดหวังว่าจะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลที่เพียงพอต่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวัคซีนได้เพียงพอในสิ้นปีนี้ เพื่อตัดสินใจว่าวัคซีนชนิดนี้เหมาะแก่การแจกจ่ายในวงกว้างหรือไม่ ซึ่งในการนี้มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดและบริษัทแอสตราเซเนกาตั้งเป้าว่าจะมีการผลิตออกมาทั้งหมด 2 พันล้านโดส โดยปัจจุบันมีหลายประเทศ รวมถึง สหรัฐฯ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ ลงนามสั่งซื้อวัคซีนนี้จำหลายร้อยล้านโดสแล้ว การส่งมอบชุดแรกคาดว่าจะเกิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้หากเป็นไปตามที่วางไว้
รายละเอียดเพิ่มเติม >> https://www.voathai.com/a/oxford-vaccine-test-shows-good-sign/5509893.html