เรื่องโดย รักษ์ศักดิ์ สิทธิวิไล
หากให้นับจากหลักฐานที่พบว่ามนุษย์จุดไฟเพื่อใช้ประโยชน์ได้ครั้งแรกนั้น ก็ล่วงเลยมากว่า 790,000 ปีแล้ว ถึงจะยังไม่ชัดเจนว่า ในครั้งนั้นมนุษย์สามารถจุดไฟได้เองหรือหยิบฉวยมาจากการเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อย่างปรากฏการณ์ฟ้าผ่าหรือไฟป่าก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นสัตว์สายพันธุ์เดียวในโลกที่ควบคุมไฟไว้ใช้งานได้ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเร่งเร้าวิวัฒนาการของมนุษย์ให้มีคุณลักษณะพิเศษที่เพียงพอจะยึดครองโลก
ครั้งหนึ่งมนุษย์เราใช้อำนาจของไฟในการพิทักษ์เผ่าพันธุ์ให้ปลอดภัยจากสัตว์ร้าย ไฟยังให้ความอบอุ่นและแสงสว่างนำทางในที่มืด ซึ่งจะช่วยให้เราปลอดภัยมากพอที่จะอพยพไปยังดินแดนที่ไม่คุ้นเคยที่พร้อมและสมบูรณ์พร้อมกว่าถิ่นอาศัยเดิม การควบคุมไฟช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อถึงกันระหว่างมนุษย์ก่อให้เกิดการเติบโตทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย จนทุกวันนี้ทำให้เรากลายเป็นเรา กลายเป็นสายพันธุ์มนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สปีชีส์ที่พบได้ทั่วโลก” (cosmopolitan species) ไปแล้ว
ดร.ซู ซาเวจ รัมบอค ขณะไปปิกนิกกับคู่หู คานซี่ ลิงโบโนโบ (Picture: Laurentiu Garofeanu/ Barcroft USA)
ในขณะที่แม่บ้านยุคใหม่ป้ายแดงหลายคนกำลังปวดหัวกับการทอดไข่ดาวอย่างไรให้สุกจากกะทะไฟฟ้าที่บ้าน ความคืบหน้าล่าสุดเราพบว่าญาติสนิทของเราเองก็เริ่มที่จะทำแฮมเบอร์เกอร์เนื้อกินเองเป็นแล้ว!! เมื่อไม่นานมานี้ รายการสารคดี BBC ได้เปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลก เสมือนได้ชมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ เมื่อบรรพบุรษของมนุษย์เริ่มต้นใช้ไฟอีกครั้ง ด้วยการเผยแพร่ภาพ คานซี่ (Kanzi) ขณะลงมือก่อไฟ และทำอาหารกินเอง คานซี่ เป็น 1 ใน 8 ลิงพันธุ์โบโนโบ (Bonobo) หรือ หรือ ชิมแปนซีแคระ ที่ได้ชื่อว่าเป็นลิงอัจฉริยะที่สุดในโลกในความดูแลของ ดร.ซู ซาเวจ รัมบอค (Dr. Sue Savage-Rumbaugh) นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาพฤติกรรมและการสื่อสารของลิง แห่งเกรทเอพทรัสต์ ในดิมอยน์ รัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกา
ตัวอย่างบางส่วนจากภาพยนตร์เรื่อง “Quest For Fire” ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับคานซี่
ดร.ซู ซาเวจ กล่าวว่า เมื่อมีโอกาส คานซี่ ชอบควานหากิ่งไม้แห้งตามพื้น เพื่อนำมาก่อไฟทำอาหารเองอยู่เสมอ จุดเริ่มต้นสำคัญน่าจะเกิดจากเมื่อตอนที่มันยังเล็ก มันได้ชมภาพยนตร์เรื่อง “Quest For Fire” ซึ่งเป็นเรื่องราวของมนุษย์ในยุคแรกที่ค้นพบไฟ มันดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายรอบ จนกระทั่ง 5 ขวบ จึงเริ่มก่อไฟจากกระดูกสัตว์แห้งเล็กๆได้เอง เธอเชื่อว่าคานซี่กับความรู้เรื่องไฟของมันคือตัวอย่างของการพัฒนาการของสติปัญญาในวิวัฒนาการของมนุษย์นั้นเอง
คานซี่เป็นลิงโบโนโบเพศผู้ มีลักษณะทั่วไปเหมือนกับชิมแปนซีที่อยู่ในสกุลเดียวกัน แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก เกิดมาตั้งแต่ปี 1980 สามารถที่จะทำขนมหวาน เรียนรู้ที่จะเอาเนื้อไปย่าง เพื่อทำแฮมเบอร์เกอร์ และหลังจากปรุงอาหารในกองไฟเสร็จ ยังรู้จักที่จะควบคุมการลุกไหม้ของไฟ ด้วยการหาน้ำมารดเพื่อดับฟืนเสียด้วย และสำคัญกว่านั้นขณะนี้มันกำลังถ่ายทอดทักษะในการดำรงชีพดังกล่าวให้กับลิงโบโนโบเพศผู้ที่ชื่อว่า ทีโก (Teco) ซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ ของมันเอง ทั้งนี้คานซี่ เป็นผลสำเร็จจากการทดลองด้านสื่อสาร เพื่อกระตุ้นให้ลิงเกิดการเรียนรู้และการสื่อสารในด้านต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ลิงทุกตัวที่จะมีความสามารถดังกล่าว
ใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง RISE OF THE PLANET OF THE APES (กำเนิดพิภพวานร) จะรู้ว่าในภาพยนตร์เรื่องนั้นได้ทำการบอกเล่าเรื่องราวในจินตนาการกับการก้าวกระโดดของเผ่าพันธุ์วานร โดยเริ่มต้นเรื่องจากความถือดีของมนุษย์ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีอำนาจในการครองโลกในปัจจุบัน เป็นชนวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของบรรดาฝูงวานรในห้องทดลอง จนกล้าเผชิญหน้ากับมนุษยชาติในท้ายที่สุด อันที่จริงแล้วเรื่องยุ่งๆ ของคนกับลิง จะดูว่าไกลก็คงไม่ไกลตัวเกินไปนัก เพราะจาก ค. คน ถึง ล. ลิง ก็ห่างกันแค่ไม่กี่ตัวอักษร (ไม่นับความแตกต่างเพียงเล็กน้อยของดีเอ็นเออีก) แต่เพียงแค่ ค. คน ริเริ่มใช้ไฟได้ก่อน ล. ลิง ก็เพียงพอที่ ค. คน จะฉลาดล้ำนำหน้า ล. ลิง จนวันนี้ต้องย้อนกลับไปเฝ้ามอง (ทำวิจัย) ล. ลิง เอาใจช่วยว่าเมื่อไร เจ้าลิงจะฉลาดเหมือนคน