ม.มหิดล มุ่งพัฒนานักศึกษาสู่การเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า บนพื้นฐานทางด้านศาสนาและจริยธรรม

          ในการพัฒนานักศึกษาสู่การเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า ซึ่งนอกจากการถึงพร้อมด้วยทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการประกอบวิชาชีพในอนาคตแล้ว จะต้องมีการพัฒนาจิตใจบนพื้นฐานทางด้านศาสนาและจริยธรรมร่วมด้วย

          เมื่อเร็วๆ นี้ กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมกับ สโมสรนักศึกษาวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล จัดกิจกรรมเทศน์มหาชาติ ประจำปีการศึกษา 2563 เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดลได้ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีทางพระพุทธศาสนา และเพื่อนำรายได้มาสนับสนุนโครงการค่ายจิตอาสาของสโมสรนักศึกษาวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล โดยปีนี้จัดเป็นปีที่ 5 ณ ลานประติมากรรมดอกกันภัยมหิดล ศูนย์การเรียนรู้มหิดล มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เรืออากาศโท ทันตแพทย์ชัชชัย คุณาวิศรุต รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ และรักษาการแทนคณบดีวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในฐานะประธานจัดกิจกรรมฯ ว่า กิจกรรมเทศน์มหาชาติเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตดั้งเดิมในช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว เพื่อให้ผู้คนมาร่วมเฉลิมฉลองและทำกิจกรรมร่วมกันหลังการทอดกฐินของชาวพุทธ ซึ่งการเทศน์มหาชาติแตกต่างจากการเทศน์ทั่วไป โดยเป็นการเทศน์เกี่ยวกับพระเวสสันดรชาดก ซึ่งเป็นชาติสุดท้ายก่อนที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้า

          กิจกรรมเทศน์มหาชาติ เป็นหนึ่งในกิจกรรมในการพัฒนานักศึกษาวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ได้ร่วมทำกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ถึงบุญพิธีของชาวพุทธที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาจนเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวพุทธ ซึ่งพระพุทธเจ้าในช่วงที่ทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ คือพระเวสสันดร ทรงบำเพ็ญทานบารมี หรือ การให้ทานสูงสุดเพื่อผู้อื่น จากการสละแล้วซึ่งประโยชน์สุขส่วนตน ซึ่งตรงกับหนึ่งใน Core Values หรือค่านิยมหลักของมหาวิทยาลัยมหิดล คือ “Altruism” หรือ “การมุ่งผลเพื่อผู้อื่น” และปณิธานของวิทยาลัยศาสนศึกษา ในการผลิตบัณฑิตเพื่อการเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า โดยมีศาสนาและจริยธรรมเป็นพื้นฐานของชีวิต เพื่อการสร้างสรรค์สังคมคุณภาพ

          สำหรับการเรียนการสอนในวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากนักศึกษาจะต้องเรียนรู้ในหลักคำสอนของทุกศาสนาแล้ว ยังมุ่งเน้นให้นักศึกษารู้จักการนำคำสอนต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงอีกด้วย กิจกรรมเทศน์มหาชาติครั้งนี้จึงเสมือนเป็นการจำลองนำประเพณีทางศาสนามาใช้สื่อสารกับนักศึกษาและบุคลากรในมหาวิทยาลัยมหิดลที่นับถือศาสนาพุทธให้ได้มีโอกาสมาทำกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน

          นอกจากกิจกรรมเทศน์มหาชาติแล้ว ทางวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ยังปรับแผนการเรียนให้สอดคล้องกับสังคมปัจจุบันมากยิ่งขึ้น เช่น กำหนดให้นักศึกษาที่มีรหัสตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ได้มีโอกาสเลือกเรียนกลุ่มรายวิชาโทศาสนากับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ อาทิ “ศาสนาและคุณภาพชีวิต” (Religion and Quality of Life) ซึ่งเป็นการศึกษาความหมายของวิถีชีวิตที่ยั่งยืน และการยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยคำสอนของศาสนา และ “ศาสนาและความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์” (Religion and Creative Relationship) ซึ่งเป็นการศึกษาและสอนให้เรียนรู้ ยอมรับ และพัฒนาความสัมพันธ์ในชีวิตมนุษย์ด้วยมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย บนพื้นฐานของคำสอนทางศาสนา เป็นต้น

          พระมหาศิวกร นามชาลี พระนักศึกษาวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ชั้นปีที่ 4 ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมเทศน์มหาชาติ ในฐานะนายกสโมสรนักศึกษาของวิทยาลัยฯ กล่าวว่า ในการทำบุญควรตั้งอธิษฐานจิต ตั้งเป้าหมายชีวิตที่ตนปรารถนาไว้ และต้องมีศีลบริบูรณ์ โดยตั้งมั่นในความดี และหมั่นเพิ่มพูนความดีที่ตัวเองทำให้มากยิ่งขึ้น บุญนั้นจึงจะสำเร็จสมดังปรารถนา ซึ่งการทำบุญให้ได้จิตที่ตั้งมั่น จะต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ในฐานะที่เป็นพระนักศึกษา จะขอร่วมเป็น “ปัญญาของแผ่นดิน” ตามปณิธานของมหาวิทยาลัยมหิดล โดยการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาศาสนาและจริยธรรมในสิ่งแวดล้อมที่ดีจากรั้วมหาวิทยาลัยมหิดลไปช่วยยกระดับสังคมและประเทศชาติให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป


สัมภาษณ์และเขียนข่าวโดย
ฐิติรัตน์ เดชพรหม
นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป
สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210

About Author