ปลาพลวง ดัชนีสุขภาพป่าไม้ และแนวทางการอนุรักษ์

เรื่องโดย ABG Research Unit Team


ปลาพลวง (Neolissochilus spp.) เป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน มีลักษณะเกล็ดขอบเรียบ มีก้างในเนื้อจำนวนมาก ครีบหูอยู่ในระดับต่ำ มีครีบหลังตอนเดียว ไม่มีฟันที่ขากรรไกร แต่มีฟันในหลอดคอ ประเทศไทยพบปลาพลวงทั้งหมด 6 ชนิด ได้แก่ ปลาพลวงหิน (Neolissochilus stracheyi) พบแพร่กระจายทั่วประเทศ ปลาพลวงถ้ำ (N. subterraneous) พบเฉพาะในถ้ำที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ปลาพลวงใต้ (N. paucisquamatus) พบในภาคใต้ ปลาพลวงสุมาตรา (N. sumatranus) พบในภาคใต้และภาคตะวันออก ปลาพลวงแถบดำ (N. vittatus) พบยากและพบเฉพาะในลุ่มน้ำสาละวิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน  และปลาพลวงตะวันตก (N. soroides) พบตั้งแต่ภาคใต้ขึ้นมาจนถึงลุ่มน้ำแม่กลอง

ปลาพลวงมักอาศัยอยู่ในวังน้ำลึกบริเวณที่มีกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ปกคลุม โดยเฉพาะต้นที่มีผลหล่นลงมาให้ปลากินได้ เช่น ต้นมะเดื่อ ปลาจะอาศัยร่วมกันเป็นฝูง มีการแบ่งชั้นตามขนาดของปลา ทั้งตัวใหญ่และเล็กต่างอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้ ปลาพลวงจะว่ายไปวางไข่ในพื้นที่ต้นน้ำ ให้ลูกปลาเติบโตในลำธารขนาดเล็กที่มีแหล่งอาหารและที่หลบภัยจากศัตรูธรรมชาติ

ปลาพลวงเป็นปลาต้นน้ำจึงมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ คือ เป็นตัวบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ หากมีการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ต้นน้ำก็จะส่งผลโดยตรงต่อถิ่นที่อยู่อาศัยของปลาพลวง ซึ่งอาจทำให้จำนวนประชากรปลาพลวงลดลง

มีความเชื่อว่าปลาพลวงเป็นปลาศักดิ์สิทธิ์ กินแล้วจะเกิดผลร้าย นับเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ประชาชนช่วยกันดูแลและไม่จับปลาชนิดนี้

ปลาพลวงและแหล่งที่อยู่อาศัยต้นน้ำ

การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอย่างฉับพลันส่งผลกระทบโดยตรงต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำ จังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และมีปลาน้ำจืดชนิดสำคัญ ได้แก่ ปลาพลวงหิน กำลังเผชิญกับปัญหาการเสื่อมโทรมของแหล่งที่อยู่อาศัยและจำนวนประชากรที่ลดลงจากการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศที่ถูกคุกคาม

แหล่งอาศัยของปลาพลวงหินเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญ เช่น อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสือ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด รวมถึงป่าต้นน้ำในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่นและส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการอนุรักษ์ความหลากหลายของปลาพลวงหินอย่างยั่งยืน การวิจัยทางพันธุศาสตร์และการศึกษาแบบจำลองแหล่งที่อยู่อาศัยจึงมีบทบาทสำคัญในการคาดการณ์ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและการตอบสนองของปลาพลวงหิน อีกทั้งช่วยในการกำหนดแนวทางการอนุรักษ์พันธุกรรมของปลาพลวงหินอีกด้วย

การวางแนวการอนุรักษ์ปลาพลวงหินอย่างยั่งยืนไม่เพียงแต่อาศัยการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่ยังต้องการความร่วมมือจากคนท้องถิ่น ดังนั้นการรณรงค์ให้คนท้องถิ่นตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม การช่วยกันรับผิดชอบต่อการใช้ชีวิตริมแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น การรักษาความสะอาดแหล่งน้ำ การทำความสะอาดพื้นที่ชุมชนใกล้แหล่งน้ำ เนื่องจากปลาพลวงหินมีแหล่งที่อยู่อาศัยตามแหล่งน้ำที่สะอาดเท่านั้น นอกจากนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกก็มีผลสำคัญต่อการอยู่อาศัยของปลาพลวงหิน โดยจากข้อมูลดีเอ็นเอแสดงให้เห็นว่าปลาพลวงหินจากแหล่งน้ำต่าง ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีความหลากหลายทางพันธุกรรมที่อยู่ในสภาพที่เหมาะสม ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับการวางแผนการอนุรักษ์ในอนาคต

อีกประเด็นที่สำคัญคือการจัดกิจกรรมให้ความรู้เพื่อสร้างความตระหนักถึงผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ต่อการอยู่รอดของปลาพลวงหิน เช่น การลดการรบกวนพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการวางไข่ของปลาพลวงหิน เป็นหัวใจสำคัญของการอนุรักษ์ปลาพลวงหินอย่างยั่งยืนเช่นกัน นอกจากนี้การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น เช่น การซื้อสินค้าจากธุรกิจที่ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็ช่วยปกป้องบ้านของปลาพลวงหินได้

ผลการศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมของปลาพลวงหิน

จากการศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมของปลาพลวงหิน พบว่ามีความหลากหลายทางพันธุกรรมสูงในประชากร 5 กลุ่ม โดยมีตัวอย่างปลารวม 93 ตัวอย่างที่วิเคราะห์ด้วยเครื่องหมายไมโครแซตเทลไลต์ 13 ตำแหน่ง ผลการศึกษาชี้ว่าความหลากหลายทางพันธุกรรมสูง (Ho>He) ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการปรับตัวและการอยู่รอดของปลาพลวงหินในสภาพแวดล้อม

การวิเคราะห์โครงสร้างประชากรพบว่ามี 3 กลุ่มยีนพูล (gene pool) ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว ได้แก่ กลุ่ม P1 ในแม่น้ำสอย, กลุ่ม P2 ในนาปลาจาด แม่น้ำสะอาด และถ้ำปลา และกลุ่ม P3 ในถ้ำน้ำลอด โดยเฉพาะกลุ่มจากถ้ำน้ำลอดที่แสดงลักษณะเฉพาะโดดเด่น นอกจากนี้ยังพบว่ามีการไหลของยีนระหว่างประชากรในลุ่มน้ำแม่ปายตอนล่าง ซึ่งรวมถึงการถ่ายเทยีนจากถ้ำน้ำลอดไปยังแม่น้ำสอยและแม่น้ำสะอาด ข้อมูลทั้งหมดนี้มีความสำคัญในการวางแผนแนวทางอนุรักษ์ปลาพลวงหินเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

การศึกษานี้วิเคราะห์การอพยพและการแลกเปลี่ยนยีนระหว่างประชากรปลาพลวงในพื้นที่ต่าง ๆ ของลุ่มน้ำแม่ปาย ได้แก่ แม่น้ำสอย (บ้านไม้สะเป่) อุทยานแห่งชาติแม่สุรินทร์ หนองปลาจาด และถ้ำน้ำลอด โดยใช้โปรแกรม MIGRATE-N เพื่อประเมินการอพยพระหว่างแหล่งต้นน้ำกับปลายน้ำในอดีต และโปรแกรม BayesAss เพื่อประเมินการอพยพในปัจจุบัน ความกว้างของเส้นในภาพแสดงถึงปริมาณการย้ายถิ่นของปลา โดยเส้นที่กว้างกว่าบ่งชี้ว่ามีการย้ายถิ่นมาก

การศึกษาพันธุกรรมของปลาพลวงและการไหลของยีนระหว่างประชากรตามเส้นทางแม่น้ำ

การประยุกต์ใช้ภูมิศาสตร์และจีโนมิกส์

นอกจากการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุศาสตร์แล้ว เรายังได้วิเคราะห์ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ เช่น ระดับความสูง ระยะห่างของแม่น้ำ การปกคุมของป่าไม้ ปริมาณน้ำฝนรวมเฉลี่ยรายปี เพื่อนำมาอธิบายถึงแหล่งที่อยู่อาศัย ปัจจัยต่าง ๆ ในการกระจายตัวของปลาพลวงหิน และวิเคราะห์พื้นที่ที่เหมาะสมแก่การดำรงอยู่อย่างยั่งยืนของเหล่าปลาพลวงหิน โดยค้นพบว่าในแม่น้ำสะอาด แม่น้ำสะงี เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมแก่การดำรงค์อยู่ของเหล่าปลาพลวงหิน และมีสองปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้เหล่าปลาพลวงหินมีการกระจายตัวมากคือ ระยะห่างของแม่น้ำและปริมาณน้ำฝนรวมเฉลี่ยรายปี ข้อมูลเหล่านี้สำคัญมากสำหลับการวางแผนการจัดการของพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ที่ยั่งยืนต่อไป

การวิเคราะข้อมูลทั้งพันธุศาสตร์และภูมิศาสตร์ทำให้เราเข้าใจถึงความหลากหลายทางพันธุกรรมของปลาพลวงหินและพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งห้าแหล่ง จึงแบ่งหน่วยการอนุรักษ์ (conservation units) ประชากรปลาพลวงหินในแม่ฮ่องสอนออกเป็น 3 ESUs (evolutionary significant unit) โดยแต่ละ ESU จะมีความแตกต่างทางพันธุกรรมที่ชัดเจน

  • ESU 1: ประชากรที่พบในแม่น้ำซอย (Soi River)
  • ESU 2: ประชากรที่พบในระบบแม่น้ำสังข์-สาอาด (Sanghi-Sa-at River)
  • ESU 3: ประชากรในแม่น้ำแม่ลาง (Mae Lang River) ซึ่งมีความแตกต่างทางพันธุกรรมชัดเจนและอาจมีบทบาทในการกระจายพันธุกรรมในพื้นที่

การศึกษาต่อยอด

จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างฉับพลัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำของปลาพลวงหิน ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาการเสื่อมโทรมของแหล่งที่อยู่อาศัยและจำนวนประชากรที่ลดลง การลดลงของประชากรปลาพลวงหินเกิดจากแหล่งอาศัยถูกคุกคามจนระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป คณะวิจัยจึงวางแผนศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมและคุณภาพน้ำ ได้แก่ pH, อุณหภูมิ, ความขุ่น, และค่าตะกอนในน้ำ เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์ผลกระทบที่มีต่อประชากรปลาพลวงหิน โดยการศึกษาเหล่านี้จะดำเนินการต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรปลาพลวงหินในแหล่งน้ำต่าง ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเพื่อพัฒนาแนวทางการจัดการที่เหมาะสมในการอนุรักษ์สายพันธุ์นี้ในอนาคต


ศึกษาคุณภาพน้ำและความหลากหลายของปลาเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของระบบนิเวศ

การวางแผนเพื่อความยั่งยืนของความหลากหลายทางชีวภาพ

จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและถิ่นที่อยู่อาศัยของกลุ่มปลาพลวงหินในจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่ามีการกระจายตัวและโครงสร้างทางพันธุกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละแหล่งน้ำ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ดังกล่าว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนการจัดการที่เหมาะสมเพื่อการอนุรักษ์กลุ่มปลาพลวงหินอย่างยั่งยืนในอนาคต เพื่อรักษาและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพให้คงอยู่ต่อไป โดยอิงจากการวิจัยที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มแข็งและการมีส่วนร่วมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงการสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาและบริษัทเอกชนในการดำเนินงานวิจัยในครั้งนี้


แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Pongsanarm, T., Panthum, T., Budi, T., Wongloet, W., Chaiyes, A., Thatukan, C., Jaito, W., Patta, C., Singchat, W., Duengkae, P., Muangmai, N., Wangwon, K., & Srikulnath, K. (2024). Genetic and geographical insights call for early conservation of Mae Hong Son’s blue mahseer to prevent population crisis. PLOS ONE. In press

About Author