เรื่องโดย ดร.กฤษฎ์ชัย สมสมาน
“…การปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งทำให้ร่างกายของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงไป เรามีอวัยวะบางอย่างเพิ่มมากขึ้น…”
ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในตอนนี้ เรากำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 กันอยู่ ซึ่งก็ยังมองไม่ออกว่าผลกระทบในระยะยาวจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็คาดการณ์กันว่าเจ้าปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในงานบางประเภท เหมือนกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมสามครั้งที่ผ่านมา ที่ได้เข้ามาเปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ไปจากชีวิตความเป็นอยู่ก่อนหน้านั้น
ถ้าลองมองผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในแต่ละครั้ง โดยใช้วิธีอุปมาน (analogy) ก็จะช่วยให้เราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบได้ดีขึ้น รวมทั้งยังคาดเดาได้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 5 ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตมีหน้าตาอย่างไร วิธีหนึ่งของการอุปมานนี้คือการมองว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งทำให้ร่างกายของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงไป เรามีอวัยวะบางอย่างเพิ่มมากขึ้น
อวัยวะของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1
นวัตกรรมสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 คือ เครื่องจักรไอน้ำ ซึ่งก็ตามมาด้วยรถจักรไอน้ำที่ทำให้มนุษย์เดินทางไปได้ไกลขึ้น รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งก็เปรียบเสมือนว่ามนุษย์มีขาที่มากขึ้น สามารถใช้ขาที่เพิ่มขึ้นนี้ช่วยเคลื่อนที่ไปได้เร็วขึ้น
การเดินทางที่ไกลขึ้น เร็วขึ้น ก็เปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่พื้นที่ที่คุ้นชิน แต่สามารถย้ายตัวเองออกไปยังพื้นที่ที่ห่างไกลออกจากพื้นที่เดิมได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างในเวลาต่อมา เกิดเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 ขึ้นมา
ภาพด้านล่างนี้ผมลองให้ AI ตีความออกมาว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 ทำให้มนุษย์เปลี่ยนไปเป็นอย่างไร ผมใช้ Midjourney สร้างภาพนี้ขึ้นมา ซึ่งเจ้า Midjourney นี้ไม่ได้ตีความว่ามนุษย์มีขาที่เพิ่มมากขึ้น แต่มีขาที่ทรงพลังมากขึ้น สามารถวิ่งได้เร็วเหมือนรถจักรไอน้ำกันเลยทีเดียว
อวัยวะของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2
นวัตกรรมสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 คือ ไฟฟ้า ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าของมนุษย์ทำให้เกิดเครื่องทุ่นแรงต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนการทำงานออกมามากมาย งานที่เคยต้องใช้แรงงานมนุษย์ก็ทำได้ง่ายดายขึ้น
มองภาพง่าย ๆ จากงานในบ้าน เดิมที่เราซักผ้าด้วยมือ คนหนึ่งคนจะซักผ้าได้อย่างจำกัดในระดับหนึ่ง แต่ถ้าใช้เครื่องซักผ้า ก็แค่โหลดใส่ถังซัก เปิดเครื่อง แล้วก็ไปโหลดต่อในเครื่องอื่นให้ซักผ้าพร้อมกันไปได้มากมายหลายกองในเวลาเดียวกัน เปรียบเปรยได้เสมือนว่ามนุษย์มีแขนมีมือเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย สามารถใช้มือที่หลากหลายนี้ทำงานพร้อมกันไปได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น
ภาพที่เจ้าปัญญาประดิษฐ์สร้างมาให้ผมสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 นี้ สะท้อนภาพมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้เป็นอย่างดี กับมือที่หลากหลายในการซักผ้า
อวัยวะของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3
ถ้าให้นึกย้อนไปเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 ก่อนที่จะมีอีเมลให้ใช้งาน กว่าจดหมายเราจะไปถึงอีกซึกนึงของโลกต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่พอมีการคิดค้นนวัตกรรมที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ต ชีวิตการสื่อสารก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก เราพูดคุยสื่อสารกับคนในอีกฝั่งของโลกได้อย่างรวดเร็ว ณ เวลานั้น ๆ เลย
อินเทอร์เน็ตเข้ามาเปลี่ยนโลกการสื่อสารของมนุษย์ให้สะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เห็นภาพเหตุการณ์ความเป็นไปของคนในส่วนอื่นของโลกได้ในเวลานั้น ๆ เปรียบเสมือนว่ามนุษย์ในยุคนี้มีหู มีตา มีปาก ที่เพิ่มมากขึ้น แล้วยืดยาวไปถึงอีกฝั่งของโลก มนุษย์มีอวัยวะเพิ่มมากขึ้นอีกครั้งหลังจากเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 นี้
ครั้งนี้เจ้า Midjourney สร้างภาพมาให้ผมไม่ค่อยจะสมกับภาพที่ผมมีในหัวสักเท่าไร แต่ก็สร้างมาเหมือนมนุษย์มีอุปกรณ์สื่อสารคล้าย ๆ กล้องโทรทรรศน์แปะมาบนใบหน้า แต่ก็ยังอุตส่าห์ทำหมวกทรงลูกโลกมาให้ เหมือนกับจะบอกว่าจริง ๆ แล้วโลกก็แคบลงมาอยู่บนหัวของเรานี่เอง
อวัยวะของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
อย่างที่ผมได้เขียนไปในตอนต้น นวัตกรรมสำคัญที่ส่งผลให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นี้ก็คือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสามารถช่วยมนุษย์คิด หรือจะเรียกว่าคิดแทนมนุษย์เลยก็ว่าได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็จากการใช้ปัญญาประดิษฐ์จดจำใบหน้า คือเปลี่ยนจากการใช้มนุษย์มาคอยจำหน้าคนอื่น มาเป็นใช้เครื่องจักรช่วยจดจำใบหน้าแทน
การเปลี่ยนเอาเครื่องจักรมาใช้แทนคน หรือการย้ายเอาฟังก์ชันในสมองของคนมาใส่ในเครื่องจักรให้ทำงานแทน เปรียบได้กับว่ามนุษย์มีสมองเพิ่มมากขึ้น สามารถใช้สมองที่เพิ่มขึ้นนี้ทำงานหลายอย่างแทนสมองที่เรามีอยู่หนึ่งเดียวนี้ได้ มนุษย์ก็เลยทำเลยทำงานได้เร็วขึ้น
อวัยวะที่เพิ่มขึ้นมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นี้ก็คือสมองของมนุษย์นั่นเอง ซึ่งพอให้เจ้าปัญญาประดิษฐ์ลองวาดภาพออกมา ก็กลายเป็นวาดเอาศีรษะของมนุษย์งอกเพิ่มขึ้นมาบนศีรษะปัจจุบันอีกที ซึ่งก็น่าจะดูดีกว่าเป็นภาพสมองของมนุษย์ที่เพิ่มออกมาอยู่ด้านนอกร่างกาย
เมื่อมนุษย์มีขาเพิ่มมากขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่หนึ่ง มีแขนเพิ่มขึ้นจากครั้งที่สอง มีหูตาปากเพิ่มขึ้นจากครั้งที่สาม และมีสมองเพิ่มขึ้นจากครั้งที่สี่ มนุษย์ควรจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ผมก็เลยให้เจ้าปัญญาประดิษฐ์วาดภาพมนุษย์ภายหลังจากผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมทั้งสี่ครั้งออกมาให้ดู ก็ได้ออกมาเป็นภาพที่น่าสนใจทีเดียว
จากภาพที่ปัญญาประดิษฐ์วาดมานี้ มนุษย์ปัจจุบันควรมีหน้าตาเหมือนแมงมุมที่มีศีรษะมากกว่าหนึ่งไปแล้ว แต่ถ้าคิดเสียว่าเป็นการอุปมาน นี่อาจจะเป็นเงาของมนุษย์ในยุคปัจจุบันก็เป็นได้
อวัยวะอะไรที่จะเพิ่มขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 5
หากคิดกันต่อว่าแล้วอวัยวะอะไรที่มนุษย์ต้องการให้มีเพิ่มมากขึ้นในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 5 ที่จะเกิดขึ้นต่อไป ก็ต้องลองถามตัวเองว่า อวัยวะใดที่มนุษย์ต้องการมีเพิ่มมากอีกหลังจากที่มีขา มีแขน มีหูตาปาก และมีสมองที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว
บางคนเคยตอบผมว่าอยากมีปีกงอกเพิ่มขึ้นมา ซึ่งก็อาจจะเกิดนวัตกรรมการบินแบบใหม่ที่ทำให้มนุษย์บินได้อย่างในนิยายวิทยาศาสตร์ก็ได้ ซึ่งการทำแบบนั้นได้ก็คงเกิดการเปลี่ยนแปลงของชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ไปอีกแบบ กลายเป็นเหมือนมนุษย์นกขึ้นมา
บางคนก็ตอบผมว่าอยากมีหัวใจเพิ่มอีกหลายดวง เพื่อที่จะรักคนหลาย ๆ คนได้ในเวลาเดียวกัน คำตอบนี้ก็ออกเป็นนามธรรมหน่อย แต่ก็ทำให้มองลึกต่อไปว่าอาจไม่ใช่อวัยวะแล้วก็ได้ที่มนุษย์ต้องการมีเพิ่มในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 5 นี้ แต่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณแทน เราอาจจะอยากมีจิตใจที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีความรู้สึกหลากหลายได้ในคราวเดียวกัน
อีกแนวทางหนึ่งก็คือในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ อาจมีนวัตกรรมบางอย่างที่ช่วยให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น สร้างงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้สะดวกขึ้น เก่งขึ้น เร็วขึ้น และใช้ได้หลากหลายในเวลาเดียวกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้เช่นกัน เพราะในยุคนี้เราก็ชอบพูดกันถึงศักยภาพของมนุษย์ที่ต้องมีในศตวรรษที่ 21 โดยหนึ่งในนั้นก็คือความคิดสร้างสรรค์นั่นเอง
ผมพยายามให้เจ้าปัญญาประดิษฐ์วาดภาพมนุษย์ในยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ห้าออกมา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที ก็เข้าใจเหตุผลได้ว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นต้องใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้วสร้างข้อมูลใหม่ขึ้นมา ซึ่งข้อมูลเรื่องการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 5 นั้นไม่มีให้ปัญญาประดิษฐ์ได้เรียนรู้อยู่แล้ว
การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ห้าที่ไม่สามารถทำนายได้ อาจเป็นเพราะความรู้ความเข้าใจของเรายังไปไม่ถึงจุดที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่นี้ก็ได้ หรือมนุษย์อาจต้องการอวัยวะชิ้นใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่อีกยุคหนึ่งที่ยังจินตนาการไปไม่ถึง ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่านวัตกรรมอะไรที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตมากไปกว่านี้ได้อีก