[singlepic id=142 w=320 h=240 float=]
20 มกราคม 2553 ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เดินหน้าโครงการเมืองวิทยาศาสตร์เอกชนแห่งแรกในประเทศไทย ในพื้นที่กว่า 1000 ไร่ ตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและวิจัยระดับสากล หลังพบโมเดลอุทยานวิทยาศาสตร์ฯ ที่ สวทช.กระทรวงวิทย์ฯ ริเริ่มมาประสบความสำเร็จอย่างสูง ต้องขยายพื้นที่ศูนย์บ่มเพาะเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเต็มพื้นที่ที่รังสิตแล้ว เผยมั่นใจในความพร้อมของกลุ่มอมตะ หลังร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพร้อมกับมหาวิทยาลัยอีก 8 แห่ง เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา โดยอมตะฯ เป็นผู้ลงทุนโครงการทั้งหมด ส่วนภาครัฐจะสนับสนุนในเชิงมาตรการส่งเสริมการลงทุน พร้อมสนับสนุนเงินช่วยเหลือในการก่อตั้งโครงการเสริมต่างๆ อาทิ โครงการบ่มเพาะวิสาหกิจผู้ประกอบการ โครงสร้างภาษีรายได้ส่วนบุคคลที่เหมาะสมสำหรับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและภายในประเทศ รวมไปถึงโครงสร้างภาษีรายได้บริษัทที่สามารถเป็นศูนย์กลางวิจัยและพัฒนาภายในภูมิภาคพร้อมย้ำเปิดรับเอกชนรายอื่นๆที่สนใจขยายการลงทุนในเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ เพื่อผลักดันและเพิ่มสมรรถนะของประเทศไทยจากการเป็นฐานการผลิตไปสู่ประเทศที่เป็นฐานการค้นคว้าวิจัยพัฒนาของภูมิภาคเอเชีย ตั้งเป้าให้ผลงานสำเร็จลุล่วงโดยเร็ว รวมทั้งจะแจ้งความก้าวหน้าต่อ ครม.ทุก 3 เดือน โดยคุณหญิงกัลยาเปิดเผยในรายละเอียดว่า
“ตามที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้มีนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม ที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว รวมทั้ง ครม.ยังได้อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เข้าไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อเป็นการเชื่อมโยงสังคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ากับภาคเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือ กรอ.วท. ขึ้นโดยมีเป้าหมายให้เป็นกลไกในการเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กับภาคเอกชน ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ผู้ประกอบการต่างๆ สำหรับเมืองวิทยาศาสตร์อมตะที่ถือว่าเป็นเมืองวิทยาศาสตร์เอกชนแห่งแรกในประเทศไทยนี้เกิดขึ้นภายใต้การผลักดันของ กรอ.วท.ที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งงานวิจัยพื้นฐานและงานวิจัยประยุกต์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และพัฒนาอุตสาหกรรม รวมทั้งเพื่อเร่งรัดการผลิตบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีให้สามารถตอบสนองความต้องการของภาคการผลิต กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จึงได้มอบหมายให้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับภาคเอกชน โดยบริษัทอมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการเมืองวิทยาศาสตร์อมตะ เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษา วิจัย และพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับประเทศ มุ่งเน้นให้เกิดการใช้ทรัพยากรของเอกชนและภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด สนับสนุนให้มีการจ้างงานและพัฒนาคุณภาพฝีมือแรงงานเฉพาะทาง และเพิ่มสมรรถนะประเทศไทยจากการเป็นฐานการผลิต ไปสู่ประเทศที่เป็นฐานการค้นคว้าวิจัยพัฒนาของภูมิภาคเอเชีย โดยหลังจากที่ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันพร้อมกับมหาวิทยาลัยอีก 8 แห่ง เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมาแล้ว ขณะนี้แผนการดำเนินงานได้คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแต่งตั้งที่ปรึกษาเพื่อเสนอร่างรายงานนโยบายรัฐและประเภทอุตสาหกรรมที่เหมาะสม คาดว่ารายงานดังกล่าวจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2553 หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างสาธารณูปโภคส่วนกลางภายในพื้นที่เมืองวิทยาศาสตร์อมตะต่อไป โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ให้ความสำคัญกับโครงการดังกล่าวมาก และจะติดตามผลงานให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว รวมทั้งจะมีการแจ้งความก้าวหน้าให้ ครม.ทราบทุก 3 เดือน”
[singlepic id=141 w=320 h=240 float=]
นางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ บริษัท อมตะคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าขณะนี้ทางกลุ่มอมตะฯ และทางภาครัฐ ได้มีการวางแผนเดินหน้าเริ่มต้นโครงการ “เมืองวิทยาศาสตร์อมตะ” อย่างเต็มรูปแบบแล้วหลังจากที่ ทางกลุ่มอมตะฯ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ กันไปทั้งนี้คาดว่ามูลค่าโครงการฯ จะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ในการก่อสร้างโครงการ พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่านิคมอุตสาหกรรมอมตะมีความพร้อมทุกด้านในการก่อสร้างโครงการ เนื่องจากเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มีฐานการผลิตที่มีเทคโนโลยีทันสมัยกว่า 700 โรงงาน มีการคมนาคมขนส่งที่สะดวกมีถนนหนทางเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพและโครงการฯ กว่า 30 เลนโดยอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 30 นาทีและห่างจากท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังเพียง 35 นาที ทั้งยังมีความพร้อมทางด้านสาธารณูปโภค และสามารถรองรับการขยายตัวในอนาคตได้กว่า 6,000 ไร่ ซึ่งหลังจากสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว โครงการเมืองวิทยาศาสตร์อมตะ จะมีศักยภาพเทียบเท่าศูนย์วิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับสากล
[singlepic id=143 w=320 h=240 float=]