[singlepic id=382 w=320 h=240 float=]
22 มกราคม 2554 ณ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก : ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีมอบเสื้อเกราะป้องกันกระสุนแบบแข็ง ที่เกิดจากงานวิจัยและพัฒนาจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค/สวทช.) ให้แก่ พลโท วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 จำนวน 47 ตัว เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคง และร่วมปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดที่แพร่ระบาดอย่างนักช่วงนี้
ดร.วีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า การส่งมอบเสื้อเกราะป้องกันกระสุนให้แก่กองทัพภาคที่ 3 ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นอีกบทบาทสำคัญที่ วท.ได้ตอบสนองนโยบายรัฐบาลในด้านความมั่นคง โดยการสนับสนุนและส่งเสริมวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้สามารถผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ได้เอง และเพื่อสนองต่อนโยบายของรัฐบาลตามกรอบที่กำหนดไว้ อาทิ กระทรวงกลาโหมได้ประกาศนโยบายสำคัญไว้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2551 ที่จะให้มีการพัฒนาและเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทหาร รวมทั้งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อมุ่งสู่การพึ่งพาตนเอง โดยเน้นความร่วมมือกับเครือข่ายการวิจัย ทั้งภายในและภายนอกกระทรวงกลาโหม ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นนโยบายที่สำคัญและเร่งด่วนเป็นอย่างยิ่ง อาทิ การทำงานร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ทั้งในด้านการสนับสนุนผลงานที่เกิดจากการวิจัยพัฒนาหลายประการอันได้แก่ เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่มีประสิทธิภาพสูง เสื้อเกราะกันกระสุน โปรแกรมแปลภาษาท้องถิ่น เช่น มลายู และภาษาชนกลุ่มน้อยแถบชายแดนที่ติดกับประเทศไทย โครงการวิจัยและพัฒนาระบบรู้จำใบหน้าบุคคลสำหรับใช้ในภารกิจ ปิดล้อม ตรวจค้น จุดตรวจ เป็นต้น เพื่อนำไปใช้ในภารกิจด้านการรักษาความมั่นคงของประเทศ เพื่อปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และที่สำคัญคือการพึ่งพาเทคโนโลยีและการผลิตภายในประเทศที่สามารถตอบสนองการใช้งานในการแก้ไขปัญหาและลดค่าใช้จ่ายในด้านงบประมาณที่จะต้องใช้ในการซื้ออุปกรณ์และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานด้านความมั่นคงของประเทศต่อไป
ส่วนเสื้อเกราะกันสุนที่มอบให้แก่ แม่ทัพภาคที่ 3 นั้น เป็นผลงานที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับเอ็มเทค/สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่สามารถวิจัยและพัฒนาแผ่นเกราะกันกระสุนแบบแข็งที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ในการผลิตเสื้อเกราะป้องกันกระสุน จนเป็นผลสำเร็จ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ผลงานวิจัยดังกล่าวมีประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อการสนับสนุนหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศ สำหรับใช้ในกิจการป้องกันอันตรายของเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหากวาดล้างยาเสพติดที่ระบาดอย่างหนักในระยะนี้ โดยกองทัพภาคที่ 3 รับผิดชอบในพื้นที่ 17 จังหวัด ภาคเหนือ รวมทั้งรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดร.วีระชัยฯ กล่าวเพิ่มเติม
ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค/สวทช.) กล่าวเพิ่มว่า ส่วนประกอบแผ่นเกราะกันกระสุน ประกอบด้วย แผ่นกระจายแรง และแผ่นดูดซับแรง ซึ่งแผ่นกระจายแรงทำจากเซรามิกส์ชนิดอลูมินา นำมาหุ้มประกอบกับโลหะอะลูมิเนียมและเส้นใยเคฟลาร์ความหนาแน่นสูง ทำหน้าที่ดูดซับแรงและช่วยเก็บสะเก็ดไม่ให้เป็นอันตราย โดยแผ่นเกราะแข็งมีลักษณะเป็นแผ่นโค้งที่ออกแบบให้รองรับกับสรีระของคนไทย ซึ่งแผ่นกระจายแรงที่อยู่ด้านนอกจะทำหน้าที่ทำลายหัวกระสุน ด้วยคุณสมบัติของวัสดุเซรามิกส์ที่เบาและแข็ง สามารถทำลายหัวกระสุนที่มีความเร็วสูงให้แตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ได้ และความแข็งช่วยให้กระจายแรงได้ดี ทั้งนี้ เสื้อเกราะกันกระสุนคุณภาพสูงดังกล่าว มีน้ำหนักเพียง 8 กิโลกรัม มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า เพราะสามารถทนต่อความชื้นและแสงแดดได้ดีกว่า เสื้อเกราะที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีราคาที่ถูกกว่าการนำเข้าเกือบเท่าตัว นอกจากนี้ เสื้อเกราะกันกระสุนดังกล่าว ผ่านการทดสอบคุณภาพจากกองพลาธิการและสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วว่ามีประสิทธิภาพการป้องกันภัยของเกราะบุคคลในระดับ 3A (ยิงด้วยกระสุน .44 แม็คนั่ม และ M855) และมีประสิทธิภาพในระดับ 3 (ยิงด้วยกระสุน 7.62 มม.) เมื่อใช้ร่วมกับเสื้อเกราะอ่อน 3A ตามมาตรฐาน NIJ (National Institute of Justice) ของสหรัฐอเมริกา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เอ็มเทคยังมีโครงการวิจัยอื่นที่มีการต่อยอดจากโครงการดังกล่าว เพื่อเลือกใช้วัสดุเซรามิกส์ที่เบากว่า แต่มีความแข็งแรงเท่ากับอลูมินา เพื่อนำไปทำเป็นเกราะสำหรับงานประเภทอื่นนอกเหนือจากเสื้อเกราะป้องกันกระสุน