ประสบการณ์ขื่นขมจากห้องสอบใบขับขี่ หลังจากค้นพบความจริงของสุขภาพที่บั่นทอนความมั่นใจจากแบบทดสอบลายจุดเล็กๆ สารพัดสี
จุดเล็กๆ สีเขียวบนพื้นจุดสีเหลืองแดง ที่คนทั่วไปเห็นเป็นตัวเลข 10 ลอยเด่น ขณะที่ “สมชาย” เห็นเป็นสีเดียวกันหมด และคิดว่าน่าจะเป็นผลจากสายตาที่เมื่อยล้าจากการจ้องหน้าจอคอมพ์และสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน สองวันถัดมาหลังจากพักบำรุงสายตาเต็มที่ เขากลับเข้าห้องสอบใบขับขี่อีกครั้งและผลปรากฏว่า ไม่ต่างจากครั้งแรก เขาไม่สามารถแยกจุดสีเล็กๆ ที่อยู่รวมกัน
เขาไม่เคยคิดถึงโรคตาบอดสีเพราะตั้งแต่เล็กจนโต ก็สามารถบอกได้ว่าคนนั้นใส่เสื้อสีอะไร กางเกงสีอะไร ไฟจราจรแดง เขียว เหลือง ก็เห็นเป็นปกติ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าตัวเองตาบอดสี และไม่ยอมเชื่อว่าตนตาบอดสี เพราะยังมองเห็นสีต่างๆ ได้ สามารถแยกสีสัญญาณไฟจราจรได้ เพราะตาบอดสีมีหลายระดับ บางคนเป็นมากบางคนเป็นน้อย เขาจะเห็นสีบางสีผิดไปจากคนปกติ ไม่ใช่ไม่เห็นสี เช่น คนตาบอดสีแดง ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นสีแดงของวัตถุเลย เพียงแต่เขาอาจเห็นวัตถุนั้นเป็นสีเทา ประกอบกับประสบการณ์การเรียนรู้และการจดจำ เช่น แถบสีแดงของธงชาติ ตำแหน่งไฟแดงจราจร ทำให้เขาไม่รู้ถึงความผิดปกติ
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงเด็กนักเรียนหลายคนที่ต้องพลาดโอกาสเรียนต่อในสายอาชีพที่ต้องการ เนื่องมาจากปัญหาตาบอดสี ซึ่งปีนี้มีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วจากกรณีนักเรียนอายุ 16 ปี เป็นความหวังของครอบครัว เสียเงินค่าเรียนกวดวิชาหลายหมื่นบาท เพื่อหวังสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ผลปรากฏว่า สอบได้แต่เด็กไม่ทราบว่าเป็นโรคตาบอดสีมาก่อนกวดวิชา มารู้ตอนหลังถึงแม้ว่านักเรียนผู้นี้จะผ่านข้อเขียน ก็ไม่สามารถผ่านการตรวจร่างกายเพราะเป็นโรคตาบอดสี
“ในฐานะจักษุแพทย์ ขอเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการเพิ่มบริการตรวจคัดกรองตาบอดสีให้เด็กนักเรียนที่กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทุกโรงเรียนทั้งสังกัดภาครัฐและเอกชน ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีการตรวจตาบอดสีในโรงเรียนมาก่อน การตรวจตั้งแต่อยู่ชั้นประถมปีที่ 1 จะเป็นผลดีต่อตัวเด็ก ทำให้เด็กรู้ปัญหาของตนเอง รวมทั้งพ่อแม่รู้ปัญหาของลูก เพื่อร่วมกันวางแผนการดำเนินชีวิตในอนาคตจนกระทั่งมีครอบครัว ลดผลกระทบทางจิตใจ เพราะตาบอดสีสามารถเรียนและทำงานบางประเภทได้” คุณหมอกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีแบบทดสอบตาบอดสีเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ทั้งยังมีจำหน่ายในราคาถูกอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำการทดสอบให้กับเด็ก เพื่อวางแผนอนาคตให้อย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งการเรียน การเลือกอาชีพและครอบครัว เพราะว่าโรคนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยเฉพาะจากพ่อถึงลูกชาย โดยพบมากในผู้ชายร้อยละ 7 และผู้หญิงพบร้อยละ 1
ทั้ง โรคตาบอดสีแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ชนิดที่พบมากที่สุดคือตาบอดสีแดง สีเขียว ผู้ป่วยจะแยกสีแดงและสีเขียวออกจากสีอื่นๆ ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะเวลาที่แสงไม่สว่างนัก, ชนิดที่พบรองลงมาคือตาบอดสีน้ำเงิน สีเหลือง ก็จะมีปัญหาในการแยกสีน้ำเงินและเหลืองออกจากสีอื่น คนที่บอดสีแดง สีเขียว มักจะมีปัญหาบอดสีน้ำเงิน สีเหลืองด้วย และชนิดสุดท้ายคือตาบอดสีทุกสี เป็นพบน้อยที่สุด ผู้ป่วยจะมองเห็นแต่เพียงสีขาวและดำเท่านั้น
“วิธีที่ดีที่สุดที่จะรู้ว่าตนเองมีปัญหาหรือไม่ก็คือ การตรวจความผิดปกติสายตาเพื่อให้รู้ว่าเป็นโรคตาบอดสีหรือไม่” คำเตือนจากจักษุแพทย์
คอมพิวเตอร์น่าสงสัย?
O ภาวะตาบอดสีมี 2 ชนิด ชนิดที่พบได้บ่อยมากกว่า และเป็นเกือบทั้งหมดของตาบอดสีจะเป็นแต่กำเนิด มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เกิดในภายหลังเนื่องจากเซลล์รูปกรวยซึ่งทำให้มองเห็นวัตถุเป็นสีต่างๆ ถูกทำลาย เช่น โรคติดเชื้อในตา เบาหวานขึ้นตา ฉะนั้น การใช้สมาร์ทโฟน แทบเล็ตและคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ไม่มีผลทำให้เกิดตาบอดสี
เลสิครักษา?
O วงการจักษุแพทย์ทั่วโลกยังไม่สามารถรักษาโรคตาบอดสีให้หายขาด ไม่มียารักษารวมทั้งการผ่าตัดและเลสิคก็ไม่สามารถช่วยรักษาโรคนี้ เพียงแต่ผู้ที่เป็นโรคตาบอดสีสามารถทำเลสิคได้เช่นเดียวกับผู้ที่มีสภาวะตาปกติทั่วๆไป เพื่อรักษาอาการสายตาผิดปกติ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียงเท่า
รายการอ้างอิง :
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์. ‘ตาบอดสี’ รู้ช้าหมดอนาคต. กรุงเทพธุรกิจ (Life Style : สุขภาพ). วันที่ 11 ธันวาคม 2555.– ( 944 Views)