นวัตกรรมรากฟันเทียมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจสำหรับคนที่สูญเสียฟันแท้
การสูญเสียฟันไม่ว่าด้วยสาเหตุใด มักจะนำความวิตกกังวลมาสู่เจ้าของฟันเป็นอย่างมาก นอกจากจะสูญเสียความสวยงามและความมั่นใจในรอยยิ้มสำหรับฟันหน้าแล้ว การสูญเสียฟันหลังยังทำให้ฟันข้างเคียงล้มเอียง เศษอาหารติด และประสิทธิภาพในการเคี้ยวลดลง เมื่อไม่สามารถรับประทานอาหารได้ดี อาจจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในที่สุด
ทันตแพทย์หญิงวลัยลักษณ์ เกียรติธนากร ผู้อำนวยการศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ เผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีทางทันตกรรมได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความก้าวหน้าทั้งทาง nano technology และ material science มีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการก้าวกระโดดของนวัตกรรมทางทันตวัสดุศาสตร์หลายอย่าง
วิวัฒนาการของทันตกรรมรากเทียมในปัจจุบัน” ก็เป็นหนึ่งในนั้น ทันตกรรมรากเทียมจึงเป็นทางเลือกใหม่ของการใส่ฟัน มีส่วนของรากทำจากวัสดุพิเศษ เป็นโลหะไทเทเนียม (titanium) ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร ซึ่งเป็นวัสดุที่ร่ายกายยอมรับได้โดยไม่มีการต่อต้าน วัสดุนี้ได้ถูกนำมาใช้ในการทำรากเทียมมานานกว่า 20 ปีแล้วและมีความสำเร็จในการทำสูงกว่าร้อยละ 90 การนำรากเทียมมาใช้ในการทดแทนฟัน ทำได้ในหลายกรณี
ตั้งแต่การทดแทนฟันซี่เดียว จนถึงการใช้รากเทียมในการรองรับฟันเทียมทั้งปาก เพื่อช่วยให้ยึดให้ฟันเทียมแน่นขึ้นได้ เมื่อเปรียบเทียบกับสะพานฟัน ซึ่งเป็นวิธีการใส่ฟันติดแน่นที่นิยมใช้กันอยู่เดิม
ข้อดีที่เด่นชัดของรากเทียมคือ มีลักษณะคล้ายฟันธรรมชาติมาก สามารถทำได้โดยไม่ต้องอาศัยฟันข้างเคียงเพื่อเป็นหลักยึด ในขณะที่การทำสะพานฟันจะต้องมีการกรอเนื้อฟันข้างเคียงเพื่อทำครอบฟันสวมลงไปและเชื่อมต่อกับส่วนที่เป็นฟันแขวนเพื่อทดแทนฟัน ในกรณีที่ฟันที่เป็นหลักยึดของสะพานฟันมีปัญหา ก็จะทำให้ต้องมีการรื้อสะพานฟันไปด้วย
นอกจากนี้รากเทียมยังสามารถทำได้ในกรณีที่ต้องการทดแทนฟันด้านในสุด ซึ่งไม่สามารถทำสะพานฟันได้ เนื่องจากไม่มีฟันหลักให้ยึด ในอดีตการใส่ฟันสำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีฟันหลังสำหรับเป็นหลักยึด จะต้องใช้ฟันเทียมชนิดถอดได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความรำคาญได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีฟันเทียมทั้งปาก แต่มีสันกระดูกที่บาง ฟันเทียมดังกล่าวมักจะค่อนข้างหลวมและไม่สามารถใช้งานได้ดี
อีกทั้งอาจจะทำให้เกิดความกังวลว่าฟันเทียมจะหลุดได้ง่าย ลักษณะแบบนี้ ทันตกรรมรากเทียมอาจถูกนำมาใช้เป็นหลักยึดให้ฟันเทียมทั้งปากแน่นขึ้นได้ เพื่อให้สามารถใช้ในการบดเคี้ยวได้ดีขึ้น และรู้สึกมั่นใจในรอยยิ้มได้ดีขึ้น ทพญ.วลัยลักษณ์กล่าวเสริมว่า “ปัจจัยที่สำคัญมากต่อความสำเร็จของรากเทียม คือ รากเทียมต้องฝังอยู่ในกระดูกที่มีความหนาเพียงพอในทุกๆด้าน
อย่างไรก็ดีหลังจากที่ฟันธรรมชาติถูกถอนไปแล้วและไม่มีการทดแทนภายใน 1 ปีแรก สันกระดูกมักจะมีการละลายตัวไป ดังนั้นในการทำรากเทียมอาจจะต้องมีการปลูกกระดูกร่วมด้วย หากสันกระดูกมีการละลายตัวไปมาก อาจจะต้องมีการปลูกกระดูกก่อนการฝังรากเทียม ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน” โดยทั่วไปการทำรากเทียมแบ่งเป็น 2 ช่วง
ขั้นตอนแรกเป็นการผ่าตัดเพื่อฝังรากเทียมลงในกระดูกขากรรไกร หลังจากนั้นต้องทิ้งช่วงเวลาให้แผลหายและมีการสร้างกระดูกล้อมรอบรากเทียม ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพกระดูกตั้งต้นของผู้ป่วย เมื่อรากเทียมยึดติดกับกระดูกแล้ว จึงทำการต่อรากเทียมกับเดือยฟัน เพื่อใช้เป็นฐานรองรับครอบฟัน หรือฟันปลอมต่อไป
รากฟันเทียมสามารถทำได้กับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปที่มีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะรับการผ่าตัดในช่องปากได้ ในกรณีวัยรุ่น จะยังมีการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกร จึงจำเป็นต้องรอให้หยุดการเจริญเติบโตก่อน เพื่อที่จะสามารถใส่รากฟันเทียมในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ และไม่สร้างปัญหาในการขัดขวางการเจริญของกระดูกขากรรไกร แม้รากฟันเทียมจะเป็นวิทยาการที่ดีที่สุดใน
ปัจจุบันในการทดแทนฟัน แต่รากฟันเทียมอาจมีปัญหาได้ เช่นการเป็นโรคเหงือกรอบรากเทียม การรับแรงที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดการละลายตัวของกระดูกรอบรากเทียม ส่งผลให้รากฟันเทียมไม่แข็งแรง ดังนี้เมื่อได้รับการทำรากฟันเทียมแล้ว ผู้ป่วยจะต้องให้ทำการดูแลรักษารากฟันเทียมประหนึ่งฟันธรรมชาติ
โดยการหมั่นแปรงฟันทำความสะอาดหลังรับประทานอาหาร ด้วยแปรงที่มีขนนุ่ม ควบคู่ไปกับการใช้ไหมขัดฟัน และควรระมัดระวังในการรับประทานอาหารที่มีความแข็งหรือเหนียวเกินไปด้วย และควรกลับมาตรวจเช็คสภาพเหงือกและกระดูกรอบรากฟันเทียม รวมถึงประสิทธิภาพในการใช้งานเป็นระยะ อย่างน้อยทุก 6 เดือน
ศาสตราจารย์เกียรติคุณและศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ แพทย์หญิงสุจิตรา ประสานสุข ประธานองค์กรเพื่อการได้ยินนานาชาติของประเทศไทยและผู้อำนวยการศูนย์การได้ยิน การพูด การทรงตัว เสียงในหู โรงพยาบาลกรุงเทพ ผู้มีประสบการณ์ในการทำทันตกรรมรากฟันเทียมเปิดเผยว่า “สาเหตุที่ใช้รากฟันเทียมไทเทเนียมเพราะพบว่าเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดหลังจากได้ค้นคว้าข้อมูลอย่างละเอียด
ซึ่งทันตแพทย์ที่ทำการรักษาได้ออกแบบส่วนของครอบฟันของรากฟันเทียมให้มีสี ขนาดและรูปทรงให้เหมาะกับเรามากที่สุด นอกจากจะใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ เศษอาหารไม่ติดขณะรับประทานอาหาร ทำความสะอาดและดูแลได้ง่ายยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายและเวลาที่เสียไป เพราะไม่ต้องทำการรักษาบ่อยๆ และยังมีอายุการใช้งานที่นาน
รายการอ้างอิง :
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์. เติมความมั่นใจด้วย“รากฟันเทียม”. กรุงเทพธุรกิจ (Life Style : สุขภาพ). วันที่ 22 ธันวาคม 2555.– ( 157 Views)