สัปดาห์ที่แล้วที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติเห็นชอบให้แจกคูปองส่วนลดสำหรับซื้อเครื่องรับโทรทัศน์ดิจิตอล หรือกล่องรับสัญญาณ(เซต ท็อป บอกซ์) ให้กับผู้บริโภคคนไทยจำนวน 22 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ มาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนการเปลี่ยนผ่านระบบโทรทัศน์จากอะนาล็อกสู่ ดิจิตอล ซึ่งเป็นแผนงานหลักของ กสทช.ชุดนี้ โดยการดำเนินงานในส่วนข้อกำหนดทางกฎหมายเกี่ยวกับโทรทัศน์ระบบดิจิตอลทยอย ประกาศตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาเหลือขั้นตอนการดำเนินงาน ซึ่งเดือน ก.พ.นี้ กสทช.จะออกใบอนุญาตโครงข่ายพร้อมกับเคาะราคาตั้งต้นประมูลช่องโทรทัศน์ ดิจิตอลธุรกิจจำนวน 24 ช่อง
ปัญหาคือปัจจุบันโทรทัศน์ทุกเครื่องในประเทศไทยยังรับด้วยระบบอะนาล็อกเพราะ ฉะนั้นหากจะให้เกิดการรับชมโทรทัศน์ดิจิตอลได้ จะต้องเปลี่ยนเครื่องรับใหม่ หรือการรับผ่านกล่องรับสัญญาณ(เซต ท็อป บอกซ์) มาตรการแจกคูปอง จึงถูกนำมาใช้โดยราคาของคูปองส่วนลด จะคำนวณจากราคาตั้งต้นประมูลหารด้วยจำนวนครัวเรือน คือ 22 ล้านครัวเรือนคาดว่าการแจกคูปองจะเริ่มในเดือน ก.ย.หลังการประมูลช่องโทรทัศน์ดิจิตอลในช่วงเดือน ก.ค.
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการ กสท.และรองประธาน กสทช.กล่าวว่า จะแจ้งมาตรฐานกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ดิจิตอลผ่านรูปแบบการติดสติกเกอร์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบว่ากล่องรุ่นไหนสามารถชมรายการโทรทัศน์ดิจิตอล ได้บ้าง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเดือน เม.ย.นี้ โดยต้นเดือน ก.พ.จะเรียกผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องรับโทรทัศน์และกล่องรับ สัญญาณ 30-40 ราย เข้ามารับฟังข้อมูลมาตรฐานการผลิตซึ่งจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งอาเซียน
ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ช่องเดิมที่ทดลองออกอากาศโทรทัศน์แบบดิจิตอลได้แก่ ช่อง 5 9 11 และไทยพีบีเอส จะมีกล่องทดลองแจกส่วนหนึ่งประมาณ1,000 กล่อง เพื่อให้ผู้ชมได้รับชมรายการโทรทัศน์แบบดิจิตอลที่ทดลองออกอากาศได้ด้วย ในส่วนนี้ช่อง 5 9 จะเป็นผู้สนับสนุนกล่องรับสัญญาณให้กับบ้านกลุ่มตัวอย่าง ขณะที่ กสทช.จะร่วมมือกับเนคเทคสนับสนุนกล่องรับสัญญาณอีกบางส่วน เพื่อให้ผู้ชมได้เข้าถึงรายการโทรทัศน์ดิจิตอลได้
“ในประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่โทรทัศน์ระบบดิจิตอล อุตสาหกรรมการผลิตกล่องเซต ท็อป บอกซ์ จะเติบโตมากเพราะอย่าลืมว่ากว่าจะยุติการออกอากาศระบบอะนาล็อกเดิมต้องใช้ เวลา 3-5 ปีเพราะฉะนั้นผู้บริโภคยังต้องการรับชมรายการโทรทัศน์ในระบบเดิมอยู่ด้วย ดังนั้นไม่ต้องตื่นตกใจว่าจะต้องเปลี่ยนเครื่องกันใหม่ทั้งหมด” พ.อ.นที กล่าว
ทั้งนี้ จากการประเมินเบื้องต้น เซตท็อป บอกซ์ ที่จะถูกจำหน่ายหลังจากประมูลช่องโทรทัศน์ดิจิตอลธุรกิจแล้ว จะมีจำนวนประมาณ 15 ล้านกล่อง ตามเงื่อนไขของการให้บริการที่จะต้องให้การรับสัญญาณโทรทัศน์ดิจิตอลครอบ คลุม50% ของจำนวนครัวเรือนในประเทศไทยในปีแรก ปีที่ 2 80% ปีที่ 3 90% และปีที่ 4 95%
พ.อ.นที กล่าวว่า สำหรับแผนการแจกคูปอง กสทช.ต้องเตรียมหารือร่วมกับหน่วยงานของรัฐระดับกระทรวง เพื่อให้ช่วยดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ขั้นตอนแจกจ่ายคูปองไปยัง ประชาชนสะดวกและรวดเร็วที่สุด และจะดำเนินการด้วยความโปร่งใส รวมทั้ง กสทช.จะไม่เข้าไปแทรกแซงการเลือกซื้อ เซต ท็อป บอกซ์และทีวีดิจิตอลให้ประชาชนตัดสินใจเองและเปิดกว้างสำหรับผู้ผลิตทุกราย จะใช้กลไกการตลาดในการแข่งขัน โดยไม่ต้องการให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบแก่ผู้ประกอบการรายหนึ่งรายใด
ทั้งนี้ สำหรับผู้บริโภคที่ได้รับแจกคูปองไปแล้ว จะซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่หรือกล่องรับสัญญาณก็แล้วแต่ จะได้ส่วนลดที่เท่ากัน เพราะบางบ้านอาจจะไม่ต้องการซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่เพราะเครื่องเดิมก็ดี อยู่แล้ว อาจจะซื้อแค่กล่องรับสัญญาณ
อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว ทำให้การเปลี่ยนเครื่องรับโทรทัศน์ของผู้บริโภคเร็วขึ้น จากเดิม 7-8 ปี มาเป็น 3-5 ปี ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้อุตสาหกรรมโทรทัศน์ขยายตัวเร็วขึ้นและผู้บริโภคจะมี โอกาสรับชมรายการโทรทัศน์ในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบความคมชัดสูง (เอชดี) ซึ่งจะมีในการประมูลครั้งนี้ด้วย
จากแผนการดำเนินงานที่ค่อนข้างชัดเจน ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นอยู่แถวหน้าของการเปลี่ยนผ่านการรับชมโทรทัศน์ ระบบดิจิตอลในภูมิภาคนี้ จากเมื่อเดือน ต.ค. 2554 ประเทศไทยอยู่รั้งท้ายเนื่องจากยังไม่มีแผนเปลี่ยนผ่านระบบโทรทัศน์จากอะนา ล็อกไปสู่ดิจิตอล
สำหรับในฟากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องรับโทรทัศน์และกล่องรับสัญญาณ เชื่อว่ามีความพร้อมในการผลิต เพราะประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์หลายแบรนด์อยู่แล้วในขณะนี้ เพียงแต่รอให้ชัดเจนในเรื่องจำนวนช่องที่จะประมูลผู้ผลิตรายการต่างๆ ยิ่งหากสถานีโทรทัศน์ช่องเดิม 3 5 7 9 เข้าประมูลช่องดิจิตอลด้วย เชื่อว่าจะทำให้ความต้องการรับชมโทรทัศน์ดิจิตอลขยายตัวเร็วยิ่งขึ้น
อลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการบริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย)เปิดเผยว่า แอลจีมีความพร้อมที่จะนำดิจิตอลทีวีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย100% หากทุกอย่างเรียบร้อยบริษัทก็พร้อมที่จะนำดิจิตอลทีวีเข้ามาจำหน่ายทันที ซึ่งเบื้องต้นขนาดของทีวีจะมีตั้งแต่42 นิ้วขึ้นไป ขณะที่ราคาจำหน่ายคาดว่าจะสูงกว่าโทรทัศน์ทั่วไป 25-30%
ปัจจุบันแอลจีมีเครื่องรับโทรทัศน์ดิจิตอลที่ทำตลาดในประเทศเกาหลีรวม 5 รุ่น ซึ่งในส่วนของประเทศไทยหากทุกอย่างได้ข้อสรุปและมีความชัดเจนคาดว่าดิจิตอล ทีวีน่าจะมีผู้บริโภคให้ความสนใจมากพอสมควร
ด้านจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าพาวเวอร์มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่าได้เตรียมความพร้อมของพนักงานขายเกี่ยวกับการศึกษาข้อมูลการใช้งาน ของดิจิตอลทีวี เพื่อนำมาสื่อสารกับลูกค้าขณะเดียวกันเริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ผลิตทีวี ว่าจะทำกิจกรรมร่วมกันอย่างไร เป็นต้น
สำหรับผู้ประกอบการคงไม่มีปัญหาหาก กสทช.ปล่อยให้กลไกการตลาดทำงานอย่างแท้จริง เหลือเพียงจุดเริ่มต้นคือการประมูลโทรทัศน์ดิจิตอล ซึ่งจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนอย่างแท้จริง
รายการอ้างอิง :
เตือนอย่าตื่นซื้อทีวีดิจิตอลเม.ย.นี้ติดสติกเกอร์แจ้ง. โพสต์ทูเดย์. ฉบับวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556.– ( 559 Views)