การกินอาหารที่ร่าง กายได้รับสารอาหาร ทั้งแร่ธาตุ วิตามินครบ ไม่ได้หมายความว่าเราต้องกินมากเป็นกิโลๆ เพียงแค่กินหลากหลายเท่านี้ก็พอ
วิถีที่ถูกต้องของการกินเพื่อประโยชน์ แค่กินตรงเวลา เติมสิ่งที่ขาดที่ไม่ค่อยกินและลดในส่วนเกินซึ่งเรามักจะกินบ่อยๆ เพียงเท่านี้การกินก็เกิดความสมดุล
นพ.วิรัช ตวงจารุวินัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เส้นผม และเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กล่าวว่า การกินอาหารให้ได้สารอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอต่อร่างกาย เริ่มแรกต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเสียใหม่ ไม่กินอะไรซ้ำๆเดิมๆ พยายามกินให้หลากหลายครบครันทั้ง 5 หมู่ สลับสับเปลี่ยน เท่านี้ร่างกายก็ได้รับสารอาหารครบโดยไม่ต้องกินอาหารเสริมให้สิ้นเปลืองเงินทองแล้วการกินผักผลไม้ให้ได้แร่ธาตุ วิตามิน มากที่สุดควรกินให้หลากหลายไม่ปรุงด้วยความร้อนสูงแต่ใช้ไฟอ่อนในการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะต้มผัดแกงทอด ให้เน้นใช้ไฟอ่อนเป็นหลัก เพื่อไม่ให้วิตามินและแร่ธาตุสูญเสียไปจนหมดแล้วปรุงด้วยผักผลไม้หลากสีสัน เพื่อให้ได้วิตามินที่ร่างกายต้องการที่ครบครัน
หลายคนยังสงสัยอีกว่า กินผักผลไม้แค่ไหนล่ะ จึงเรียกว่าพอดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย บอกว่า ให้จำง่ายๆว่ามีอยู่ 5 สี ที่ควรกินให้ครบโดยสลับสับเปลี่ยน ได้แก่ ผักผลไม้สีเขียว อาทิ แอปเปิ้ล ฝรั่ง องุ่น ผักใบเขียว อย่างคะน้า ตำลึง จะมีสารคลอโรฟีล กากใยอาหาร กินแล้วช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและทำให้ผิวพรรณสดใสมีชีวิตชีวา
ต่อมาเป็นผักผลไม้สีแดง อย่างมะเขือเทศ เชอร์รี่ บีทรูท ทับทิมสีแดง สตรอว์เบอร์รี่ หรือผักผลไม้สีแดงอื่นๆ กลุ่มนี้ช่วยบำรุงผิวพรรณเช่นกัน สารที่พบได้เด่นๆ อาทิ สารเบต้าแคโรทีนที่บำรุงเรื่องสายตา แอนโทไซยานินที่ช่วยในเรื่องป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจ สารต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย หรือมะเร็งเต้านมในผู้หญิง
ผักกลุ่มสีส้ม-เหลือง อาทิ ฟักทอง ส้ม มะม่วง แครอท มะนาว ซึ่งมีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี ฟลาโวนอยด์ กลุ่มนี้จะช่วยเรื่องลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งและเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย อาจเลือกดื่มเป็นน้ำส้ม น้ำมะนาว ทดแทนน้ำหวาน หรือน้ำอัดลม เพราะมีประโยชน์กว่ากัน ทั้งยังช่วยบำรุงสายตา และป้องกันการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมก่อนวัยได้ด้วย
ผักผลไม้สีขาว พวกหอมใหญ่ กุยช่าย กระเทียม กะหล่ำ ผักกาดขาว ดอกแค หรือผักผลไม้ที่มีสีขาวอื่น อย่างกระเทียมนั้นมีฤทธิ์ช่วยในเรื่องการลดคอเรสเตอรอล ความดัน ต่อสู้กับการติดเชื้อ ป้องกันมะเร็ง แต่หากต้องรับการผ่าตัดควรปรึกษาแพทย์ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนดีจนเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ อาจต้องงดในช่วงที่รับการผ่าตัดและระหว่างการรักษา
ผักผลไม้สีม่วง จำพวกมะเขือม่วง อัญชัน แบล็คเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แครอทม่วง ลูกพรุน กะหล่ำม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว กลุ่มนี้มีสารแอนโทรไซยานิน เด่นในเรื่องบำรุงโรคหลอดเลือดและหัวใจ มะเร็ง และโรคเรื้อรังต่างๆ หากกินเป็นประจำช่วยป้องกันโรคได้อีกทางหนึ่ง
“จริงๆแล้วทางการแพทย์ไม่มีคำแนะนำที่แน่นอน ว่าแต่ละวันคนเราควรกินผักผลไม้เท่าไหร่ จึงจะพอดีกับการนำไปใช้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หรือเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะทุกคนมีความแตกต่างกันทั้งเรื่องเชื้อชาติ วัย เพศ และโรคทางพันธุกรรม จึงจำเป็นที่ต้องดูแลตัวเอง หรือหากมีโอกาสก็อาจเลือกโปรแกรมตรวจสารอาหารในร่างกายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าเราขาดหรือเกินอะไร เพื่อจะได้เพิ่มหรือลดได้อย่างถูกต้อง”แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย กล่าวและว่า สำหรับคนไทยที่เคยมีการประมาณกันว่าอย่างน้อยๆควรกินผัก ผลไม้ให้ได้ 500 กรัมต่อวันต่อคน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุแต่ละชนิดเฉลี่ยๆกันไปในปริมาณที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากโรงพยาบาลสมิติเวช แนะนำอีกว่า การปรุงอาหารให้ได้ผักผลไม้หลากหลายสี อย่างแรกเราต้องซื้อผักผลไม้ตุนไว้ในตู้เย็นหลายๆอย่าง เพื่อให้สะดวกในการหยิบมาปรุง และพยายามเลือกกินแบบสด อาจเป็นสลัดผัก น้ำพริกกับผัก เพราะการกินสดจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าการนำผักผลไม้ไปแปรรูปด้วยความร้อนจนเสียคุณค่าอาหารไปกว่า 60%
การดื่มน้ำผักน้ำผลไม้สด เป็นอีกวิธีที่ทำให้ร่างกายรับวิตามินได้ในปริมาณมาก แต่ควรล้างให้สะอาดเพื่อลดการปนเปื้อนของสารเคมี ทั้งยังมีประโยชน์กว่าน้ำอัดลม หรือน้ำหวานอีกด้วย และหากทำได้ระหว่างมื้อเล็กๆที่เราหิว อาจเลือกกินผลไม้สดเป็นของว่างแทนขนมกรุบกรอบแก้หิว เท่านี้เราก็ได้รับวิตามินที่สมดุลกับชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมได้แล้ว
รายการอ้างอิง :
กานต์ดา บุญเถื่อน. ‘วิตามิน’ต้านโรค. กรุงเทพธุรกิจ (Life Style : สุขภาพ). วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556.– ( 127 Views)