สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความโปร่งใสในการบริหารประเทศ มีการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วนในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การร่วมรับรู้ ร่วมคิดไปจนถึงการร่วมดำเนินการ ร่วมตรวจสอบ อย่างกว้างขวางและครอบคลุมในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับชาติลงไปถึงระดับท้องถิ่นชุมชน ดังปรากฏในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540
สวทช. ในฐานะองค์กรของรัฐองค์กรหนึ่ง จึงได้กำหนดแนวปฏิบัติเพื่อก้าวเป็น “องค์กรธรรมาภิบาล” ไว้เช่นกัน ดังรายละเอียด
องค์กรจะมีธรรมาภิบาลได้นั้น ต้องอาศัย
- การมีส่วนร่วมของพนักงาน สร้างความโปร่งใส และยุติธรรม
- สร้างขวัญและกำลังใจ รวมทั้งบรรยากาศการทำงาน ทำให้พนักงานพร้อมที่จะทุ่มเทเวลา กำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ทำงานให้กับสำนักงานอย่างเต็มที่ เพราะเห็นชัดเจนว่าตนเองจะสามารถมีบทบาทในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับองค์กรได้
จริยธรรม … หลักปฏิบัติสำหรับพนักงาน
- จริยธรรม คือ การปฏิบัติหรือความประพฤติที่ดีและเป็นธรรมต่อทุกคนในสังคมขององค์กร ซึ่งรวมถึงผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด ได้แก่ พนักงาน บุคลากรในหน่วยงานอื่นทั้งผู้ร่วมทำงาน ผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ตลอดจนประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ติดต่อและคบหาสมาคม
- จริยธรรมจะมีส่วนคล้ายกับค่านิยมหลัก (Core Values) ในหัวข้อ Accountability มักรวมถึงความซื่อสัตย์สุจริต ความยุติธรรม ความเคารพซึ่งกันและกัน ความเชื่อถือได้ และความสามารถที่จะสื่อสารกันได้อย่างเปิดเผย
สวทช. ไม่มีการเลือกปฏิบัติ อีกทั้งส่งเสริมให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา กล้าตัดสินใจและรับผิดชอบต่อผลการตัดสินใจนั้นๆ ทั้งนี้ เพื่อให้ผลงานของสำนักงานตรงกับความต้องการของประชาคมและสังคม โดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
พนักงาน สวทช. จะช่วยกันสร้างบรรยากาศที่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน เคารพซึ่งกันและกัน ร่วมมือกัน และสามารถสื่อสารโดยอิสระถึงกันได้โดยไม่จำกัดระดับ ไม่นินทาว่าร้ายซึ่งกันและกัน และประพฤติตนสอดคล้องกับค่านิยมของ สวทช.
สภาพแวดล้อมการทำงานจะต้องมีสุขอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งจะเอื้อต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
หลักจริยธรรม สวทช.
- หลีกเลี่ยงความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ (Conflicts of Interest)
- พนักงาน สวทช. มีเสรีภาพในการดำเนินชีวิตส่วนตัวและลงทุน สวทช. สนับสนุนให้พนักงานเป็นพลเมืองดีที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม ควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ของสำนักงาน ที่อาจมีอิทธิพลต่อความเป็นกลางและการตัดสินใจในการทำงานของพนักงาน เช่น
- การที่พนักงานหรือบุคคลในครอบครัวมีผลประโยชน์ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ สวทช.
- การรับของขวัญที่มีมูลค่าเกินปกติวิสัย
- การทำงานอื่นนอกเหนือจากงานของ สวทช. ต้องไม่มีผลกระทบกระเทือนต่องานในหน้าที่ ในกรณีที่ได้รับมอบหมายจาก สวทช. ไปทำงานที่ไม่ใช่งานของ สวทช. โดยตรง ให้ถือว่างานนั้นเป็นงานของ สวทช.
- ผู้ทีมีหน้าที่กำกับดูแลและสนับสนุนงานวิจัยในฐานะผู้บังคับบัญชา ไม่พึงมีชื่อในผลงานวิจัย นอกจากจะมีส่วนในการลงมือทำงานวิจัยนั้น
- พนักงาน สวทช. มีเสรีภาพในการดำเนินชีวิตส่วนตัวและลงทุน สวทช. สนับสนุนให้พนักงานเป็นพลเมืองดีที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม ควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ของสำนักงาน ที่อาจมีอิทธิพลต่อความเป็นกลางและการตัดสินใจในการทำงานของพนักงาน เช่น
- การปกป้องและใช้สินทรัพย์ของสำนักงาน
- พนักงานมีหน้าที่ที่จะดูแลให้มีการใช้สินทรัพย์ของ สวทช. อย่างมีประสิทธิภาพในกิจการของ สวทช. ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลข่าวสาร โดยจะไม่ใช้สินทรัพย์เหล่านี้ในงานที่ไม่ใช่งานของ สวทช. พนักงานอาจใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตของ สวทช. ในธุระส่วนตัวได้บ้าง แต่ควรเป็นเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานในหน้าที่มากกว่าเพื่อหาประโยชน์ใส่ตน
- ความมีวินัย
- พนักงานพึงปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ ตลอดจนประเพณีอันดีงามของสำนักงาน
- การรักษาชื่อเสียงของสำนักงาน
- พนักงานเป็นพนักงานของ สวทช. ทั้งในและนอกเวลาทำงาน จึงควรสะท้อนค่านิยมของ สวทช. ในการแสดงออกทางกายและวาจา ทั้งในและนอกสำนักงาน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสำนักงาน
รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.nstda.or.th/governance-org– ( 52 Views)