ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังจะเห็นได้จากโครงการซีเอาอาร์มากมายที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด อาทิ การปลูกป่า หรือการสร้างฝายชะลอน้ำ ซึ่งโดยนัยยะแล้ว โครงการเหล่านี้ล้วนใช้ระยะเวลากว่าจะเห็นผลเพราะฉะนั้น จึงเกิดโครงการที่ส่งผลในระยะสั้นถึงปานกลาง คือ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อแสดงเจตนารมฌ์ และความร่วมมือสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกสู่ประโยชน์ด้านการเกษตรอย่าง ยั่งยืนขึ้น โดยความร่วมมือของ 3 หน่วยงานได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) มูลนิธิโครงการหลวง และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้มีการทำบันทึกข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน ณ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่สาใหม่ ตำบลโป่งแยงอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
ทั้ง นี้ บันทึกข้อตกลงความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติก เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่มูลนิธิโครงการหลวง ซึ่งเป็นหนึ่งความร่วมมือในโครงการ Green Project : Save the World, Save Us by Green Technology อย่างเป็นรูปธรรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาพลาสติกเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตรตลอด จนถึงการนำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับผลผลิตทางการเกษตร
สำหรับโครงการ ดังกล่าวทางมูลนิธิโครงการหลวงเป็นหน่วยงานผู้สนับสนุนให้ใช้แปลงทดลองของ โครงการเป็นที่ทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์พลาสติกที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ ในขั้นตอนการเพาะปลูก และบรรจุภัณฑ์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ของโครงการโดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิ จัย (สกว.) ทำหน้าที่สนับสนุนการวิจัยโดยสนับสนุนค่าจ้างที่ปรึกษาด้านงานวิจัยในการ พัฒนาพลาสติกโดยได้ที่ปรึกษาจาก 2 หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) และมหาวิทยาลัยนเรศวร และบริษัท พีทีทีโกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) สนับสนุนเม็ดพลาสติกของบริษัทเพื่อนำมาใช้ผลิตเป็นพลาสติก และพัฒนาสูตรร่วมกับที่ปรึกษาด้านงานวิจัยเพื่อนำไปสู่กระบวนการผลิต
หม่อม เจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ทรงกล่าวว่า ตามที่ บริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ประสงค์จะสนับสนุนผลิตภัณฑ์พลาสติกคุณภาพใช้ในแปลงผลิตและส่งเสริมพืชเมือง หนาวของเกษตรกรชาวเขาในพื้นที่มูลนิธิโครงการหลวง รวมทั้งยังสนับสนุนบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมนั้น มูลนิธิฯ เล็งเห็นว่า ผลิตภัณฑ์พลาสติกเหล่านี้สามารถลดผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน ทั้งยังช่วยเพิ่มคุณภาพพืชผลอันจะเป็นประโยชน์ต่องานพัฒนาพืชเมืองหนาวเป็น อย่างยิ่ง มูลนิธิโครงการหลวงจึงได้ร่วมมือในโครงการดังกล่าวโดยได้ให้การสนับสนุนการ ใช้แปลงทดลองในพื้นที่ของโครงการฯเพื่อใช้เป็นพื้นที่ทดสอบการใช้ประโยชน์ ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่พัฒนาขึ้นมา โดยผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ทางได้นำไปใช้นั้น เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมต้นกล้าขั้นตอนการเพาะปลูก รวมถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิโครงการหลวง ทั้งนี้ยังได้สนับสนุนการขยายผลงานวิจัยไปสู่การใช้งานจริงกับเกษตรกรใน พื้นที่ ตลอดจนการเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับสมาชิกเกษตรกรของมูลนิธิโครงการหลวง
“ต้อง ขอขอบคุณ บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) และความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ที่ร่วมกันพัฒนาโครงการนี้ขึ้นมา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างสูงสุดต่อภาคการ เกษตรต่อไปในอนาคต”
ด้านศาตราจารย์. นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า”สำหรับความร่วมมือของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยต่อโครงการดัง กล่าวฯ เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารโครงการวิจัยโดย คัดเลือกนักวิจัย ที่ปรึกษา และผู้ประสานงาน ร่วมโครงการ รวมทั้งติดตามการดำเนินการของโครงการวิจัยให้เป็นไปตามกรอบการทำงานและวัตถุ ประสงค์ที่วางไว้ทั้งนี้ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยได้มีโอกาสร่วม ดำเนินงานกับทางบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอลจำกัด (มหาชน) มาตั้งแต่ปี 2551 โดยครั้งนั้นเป็นการร่วมกันวิจัยและพัฒนาโครงการ “การพัฒนาพลาสติกชีวภาพเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน(Bioplastics for sustainable agriculture practice)” เป็นการนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนภาคการเกษตร ซึ่งผลสำเร็จจากโครงการในครั้งนั้น ต่อยอดการพัฒนา งานวิจัยสู่โครงการดังกล่าวในวันนี้”
“กระผมรู้สึก ยินดีเป็นอย่างยิ่ งที่อ งค์กรภาครัฐและเอกชนได้มาประสานความร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางด้านการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของผืนแผ่นดินเราให้คงอยู่อย่าง ยั่งยืน อีกทั้งสามารถสร้างผลทางเศรษฐกิจสู่ประเทศที่มีอนาคตอันจะส่งผลดีโดยรวมให้ กับสังคมและประเทศชาติต่อไปในอนาคตครับ”
ขณะที่ นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลจำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) ได้เล็งเห็นความสำคัญของนวัตกรรม ซึ่งถือเป็นกุญแจหลักในการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจ อีกทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยเราปฏิเสธไม่ได้ ว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความเจริญด้านการพัฒนา ประเทศและสร้างเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคม ซึ่งเราเองก็ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสังคม รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมในภาคซึ่งการประกอบอาชีพส่วนใหญ่ของประเทศจะเป็นใน ภาคเกษตรกรรมเป็นหลักซึ่งมีความจำเป็นในการใช้พลาสติกในการเพาะปลูกเป็น จำนวนมากอีกด้วย”
ทั้งนี้ พีทีที โกลบอล เคมิคอล ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการวิจัยรวมถึงสนับสนุนเม็ดพลาสติกของบริษัทฯ เพื่อนำมาใช้ผลิตเป็นพลาสติก และพัฒนาสูตรร่วมกับที่ปรึกษาด้านงานวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการ วิจัยและมูลนิธิโครงการหลวงเพื่อนำไปสู่กระบวนการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีของบริษัทฯ ดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติก เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่มูลนิธิโครงการหลวง โดยมีวัตถุประสงค์โครงการฯ เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาพลาสติกชีวภาพ (PLA) สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกพืช และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ วิจัยและพัฒนาถุงปลูก ถุงเพาะ และพลาสติกคลุมดินโดยใช้พลาสติกชีวภาพ (PLA) และผลกระทบต่อดินที่ปลูกหลังจากการย่อยสลายของ PLA อย่างสมบูรณ์ โดยส่งเสริมและร่วมพัฒนาบรรจุภัณฑ์PLA ที่ใช้ในผลผลิตทางการเกษตรของโครงการหลวง
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาพลาสติก polyethylene ภายใต้แบรนด์InnoPlus สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกพืชในโรงเรือน และบรรจุภัณฑ์ที่ลดปริมาณการใช้พลาสติกลง รวมถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ช่วยยืด
อายุของผลิตภัณฑ์ให้สามารถคงความ สดได้ยาวนานขึ้นขณะเดียวกันก็สนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกิจกรรมส่ง เสริมการใช้พลาติกชีวภาพสำหรับการเกษตรและการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับ สมาชิกโครงการหลวง และต่อยอดใช้กับโครงการอื่นๆของโครงการหลวง
“ใน วันนี้ พีทีที โกลบอล เคมิคอล พร้อมที่จะร่วมส่งเสริมความร่วมมือทั้งในภาครัฐและเอกชนในการผลักดันการ วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้การดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวด ล้อม รวมถึงการสนับสนุนและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับชุมชน สังคม ให้สามารถพัฒนาและเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป”
นับเป็นอีกหนึ่งใน โครงการดีๆ ที่ไม่เพียงส่งผลดีต่อภาพพจน์ของหน่วยงานแต่ละหน่วยงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลขับเคลื่อนต่อไปยังตัวเกษตรกรในการสร้างจิตสำนึกที่ดี แถมยังสามารถต่อยอดไปในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในกระบวนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน อันจะเสริมวลีอมตะ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ให้เป็นเชิงรูปธรรมได้อย่างแท้จริง
รายการอ้างอิง :
ปตท.ผนึกสกว.ปั้นพลาสติกชีวภาพสู่โครงการหลวงลุยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมใช้ประโยชน์ด้านเกษตรอย่างยั่งยืน. 2556. พิมพ์ไทย (รายงานพิเศษ). ฉบับวันที่ 11 ตุลาคม.– ( 74 Views)