สำนักข่าวไทย นำเสนอข่าวเศรษฐกิจ
กรุงเทพฯ 29 ต.ค. 2556 -นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ ( ก.พ.ร.) เปิดเผยถึงรายงานผลการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ 2557 (Doing Business 2014 : Understanding Regulations for Small and Medium-Size Enterprises) จากบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศและธนาคารโลก ซึ่งเป็นรายงานล่วงหน้า 1 ปี ผ่านระบบ Video conference จากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ผลการจัดอันดับปรากฏว่า ประเทศไทยยังคงรักษาอันดับในกลุ่ม 20 ประเทศแรกของโลกที่ง่ายต่อการประกอบธุรกิจ โดยรักษาอันดับที่ 18 เท่ากับปีก่อน จาก 189 ประเทศทั่วโลก
เมื่อพิจารณาตามปัจจัยการให้คะแนนทั้ง 10 ด้าน พบว่า หน่วยงานของรัฐประเทศไทยมีการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการ ลดขั้นตอน ระยะเวลาดำเนินการ พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบให้เอื้อต่อความสะดวกของผู้ประกอบธุรกิจ โดยตัวชี้วัดที่ดีขึ้น คือ ไทยปรับให้บริษัทมีภาระการชำระภาษีลดน้อยลง โดยการลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของฝ่ายนายจ้าง
อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ยังอยู่ในอันดับที่ 91 ยังต้องมีการปรับปรุงโดยควรลดระยะเวลาการอนุมัติ ข้อบังคับการทำงาน โดยประเทศไทยใช้เวลาในการอนุมัติให้เริ่มต้นธุรกิจถึง 27.5 วัน หากเทียบกับสิงคโปร์ที่ใช้เวลาเพียง 3 วัน ซึ่งประเทศไทยต้องมีการปรับปรุงต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยขณะนี้กรมที่ดินกำลังรวบรวมข้อมูลการจัดเก็บรายได้เพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาลดค่าธรรมเนียม
ขณะเดียวกัน จะเร่งจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (one stop shop) สร้างระบบไอทีเชื่อมโยงทั่วประเทศ ด้วยระบบเดียวกัน เชื่อว่าเดือนหน้าจะเห็นผล เร่งทำการค้าระหว่างประเทศเป็น national single window และเพิ่มความคล่องตัวด้านการลงทุนของนักลงทุน ซึ่งหวังว่าการสำรวจในปีต่อไปอันดับประเทศไทยจะดีขึ้น เหมือนกับมาเลเซียที่อันดับปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด คือ อยู่อันดับ 6 ในปีนี้ จากปีก่อนอยู่ในลำดับที่ 12
น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ผลการศึกษาในปีนี้พบว่า สิงคโปร์ยังคงรักษาแชมป์อันดับ 1 ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 8 ในขณะที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงยังคงรักษาอันดับ 2 โดยประเทศอื่นๆ ที่ติดอันดับ 10 ประเทศ ได้แก่ นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา เดนมาร์ก มาเลเซีย สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) จอร์เจีย นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร ตามลำดับ
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ สำนักข่าวไทย อสมท.
http://www.mcot.net/site/content?id=526f3fa0150ba0974400002f#.Um9CHxDxbGg– ( 69 Views)