วิตามินซี หรือ กรดแอล-แอสคอร์บิก เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างขึ้นเองได้ แต่จะได้รับจากการรับประทานเข้าไป ประโยชน์หลักๆ ของมัน สารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายได้เป็นอย่างดี และยังสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบจากแบคทีเรียและไวรัสได้
วิตามินซีที่อยู่ในร่างกายเรานั้นจะเป็นตัวสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทั้งยังช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (Mutation) และเป็นตัวสร้างกระดูก ฟัน เหงือก และเส้นเลือด ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างเม็ดเลือดทางอ้อม และยังช่วยแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยคลายเครียด แล้วยังช่วยให้แผลสดและแผลไฟไหม้หายเร็วขึ้นด้วย
ทั้งนี้ หากเรารับประทานวิตามินซีมากพอ สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปควรได้รับวิตามินซีจากแหล่งต่างๆ อย่างน้อย 60 มิลลิกรัมต่อวัน ถึงแม้ว่าวิตามินซีสามารถละลายน้ำได้ดี และถูกขับออกทางปัสสาวะได้ง่าย แต่หากบริโภคมากเกินไป หรือติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้
ของดีสีเหลือง-เขียว
มีคำถามว่า ผลไม้ชนิดใดบ้างอุดมด้วยวิตามินซีสูง หนึ่งในนั้นคือ “กีวี” ซึ่งอุดมไปด้วย วิตามินซีมากกว่าส้มถึงสองเท่า
นอกจากนั้น กีวียังเป็นแหล่งของวิตามินอีไขมันต่ำตามธรรมชาติ ซึ่งทราบกันดีว่าช่วยการทำงานของหัวใจ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีค่าชีวปริมาณออกฤทธิ์ (Bioavailable antioxidants) เช่น วิตามินซี วิตามินอี โพลีฟีนอล แคโรทีนอยด์ ในระดับสูง และยังช่วยยับยั้งปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากอนุมูลอิสระในร่างกาย
แถมยังเป็นแหล่งของโพแทสเซียมที่มีความจำเป็นต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย มีผลสำรวจพบว่า กีวีสองผลให้ปริมาณโพแทสเซียมร้อยละ 10 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับกล้วย แต่มีปริมาณแคลอรีที่น้อยกว่า จึงเป็นทางออกที่ดีมากในการควบคุมน้ำหนัก ทั้งยังมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ซึ่งไม่ส่งผลให้เกิดสภาวะน้ำตาลในเลือดสูงแบบฉับพลัน เหมาะสำหรับผู้เป็นเบาหวาน
สำหรับหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หากรับประทานกีวีในปริมาณที่พอเหมาะ มันจะกลายร่างเป็นแหล่งของโฟเลต ซึ่งจะช่วยพัฒนาสารพันธุกรรมของทารกในครรภ์ได้
วิตามินซีย่อยง่าย
ช่อทิพย์ ประมูลผล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท เซสปรี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเทศไทย กล่าวต่อว่า นอกจากกีวีจะอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ แล้ว มันยังดีต่อระบบการย่อยอาหาร เพราะมีไฟเบอร์ชั้นดีทั้งชนิดละลายในน้ำและไม่ละลายในน้ำด้วย
การบริโภคเป็นประจำจะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารมีสุขภาพที่ดี ลดอาการจุกเสียดแน่น ปรับปรุงนิสัยการขับถ่ายโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม อย่างการดีท็อกซ์ให้วุ่นวาย และยังสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางบวกกับเอนไซม์ในลำไส้ ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิต้านทานตามธรรมชาติ ไม่ให้เกิดอาการป่วย ช่วยการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดที่มีประโยชน์ และช่วยยับยั้งแบคทีเรียชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย รวมทั้งยังมีเอ็นไซม์แอคทินิดิน ซึ่งเป็นโปรติเอสเอนไซม์ในผลกีวีที่มีความสามารถในการย่อยโปรตีนในผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อ และพืชตระกูลถั่ว จึงช่วยส่งเสริมการย่อยอาหารและทำให้การย่อยอาหารเป็นไปอย่างสบายมากขึ้น
หนาวนี้จะนานไหม คงต้องพิสูจน์กันอีกทีช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากกว่าคือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ผันผวนต่างหาก เราอยากให้ทุกคน “ตุน” ผลไม้อุดมวิตามินซีไว้ เพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้พร้อมกับลมหนาว
//////
เมนู โคนกีวีไก่
ส่วนผสม
กรีนกีวี ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้น4ผล
แป้งตอติญ่า1ถุง
ผักกาดหอมฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ1หัว
ยอดถั่วลันเตา1ถุง
เนื้อไก่ฉีก (เอามาจากไก่อบ)2 ถ้วย
แครอทหรือพริกหยวกแดง/เหลือง1ถ้วย
มายองเนสญี่ปุ่น
ไม้จิ้ม (สำหรับกลัดกรวย)
วิธีทำ
1. นำส่วนผสมทั้งหมดวางใส่ภาชนะ
2. ใช้กรรไกรตัดแป้งตอติญ่าออกเป็น 4 ส่วน เก็บไว้ในภาชนะปิดเพื่อป้องเกันไม่ให้แป้งแห้ง
หมายเหตุ: หากต้องการให้แป้งตอติญ่านุ่มขึ้นให้นำไปอุ่นบนกระทะ 2-3 วินาที แต่อย่าอุ่นนานจนเกินไป เพราะจะทำให้แป้งกรอบและแห้ง
3. เวลาเสิร์ฟให้ใส่ผักกาดหอมลงไปในโคน ตามด้วยยอดถั่วลันเตา เนื้อไก่ฉีก แครอท หรือพริกหยวก หั่นละเอียดเป็นชิ้น และกรีนกีวี ท้ายสุดหยอดมายองเนสลงไปพร้อมรับประทาน
/////
เมนู กีวี โยเกิร์ตและเมล็ดแฟลกซ์สมูทตี้
ส่วนผสม
กีวีปอกเปลือก300กรัม
กล้วยสุกปอกเปลือก200กรัม
เมล็ดแฟลกซ์บด1ช้อนโต๊ะ
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ100กรัม
น้ำผึ้ง50กรัม
นมไขมันต่ำ200 มิลลิลิตร
น้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยม250กรัม
วิธีทำ
ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไปในเครื่องปั่น ปั่นจนส่วนผสมทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่แก้ว ตกแต่งด้วยกีวีสด 2-3 ชิ้น แล้วเสิร์ฟได้ทันที
รายการอ้างอิง :
ดาด้า. 2556. วิตามินต้านลมหนาว. กรุงเทพฯ : กรุงเทพธุรกิจ (Life Style : สุขภาพ). ออนไลน์. สืบค้นจากอินเทอร์เน็ต, http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/health/20131106/539702/วิตามินต้านลมหนาว.html, ค้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556.– ( 72 Views)