ระบบเผาผลาญมีความสำคัญอย่างมากต่อการป้องกันไม่ให้อ้วน หรือในการพยายามลดความอ้วนให้สำเร็จ เพราะระบบเผาผลาญจะเป็นตัวกำหนดอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย คนที่มีอัตราการเผาผลาญต่ำจะอ้วนง่าย หรือลดน้ำหนักได้ยากแม้จะกินน้อยลงก็ตาม
ระบบเผาผลาญจะถูกกำหนดโดยพันธุกรรม แต่ก็มีปัจจัยอื่นมากมายที่มีผลกระทบต่อระบบเผาผลาญ เช่น เมื่ออายุมากขึ้นหรืออายุ 40 ปีขึ้นไประบบเผาผลาญจะลดลงประมาณ 5% ทุกๆ 10 ปี เพศหญิงจะเผาผลาญพลังงานน้อยกว่าเพศชาย คนที่มีกล้ามเนื้อมากจะมีระบบการเผาผลาญสูงกว่าคนที่มีไขมันมาก
ฉะนั้น ในการป้องกันโรคอ้วน นอกจากจะเป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยนวิธีการกินที่จะต้องกินให้ถูกแล้ว ก็จะต้องหาวิธีเพิ่มระบบเผาผลาญควบคู่กันไป ดังนี้
1. ห้ามอดอาหารมื้อเช้า คนที่งดอาหารเช้าบ่อยๆ จะอ้วนง่ายกว่าคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำ เนื่องจากร่างกายคนเราต้องทำงาน 24 ชั่วโมงจึงต้องใช้พลังงานและสารอาหาร ฉะนั้น เวลาที่อดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งจึงทำให้ร่างกายต้องสงวนพลังงานไว้ใช้โดยการลดอัตราการเผาผลาญลง และเก็บสะสมพลังงานในรูปของไขมัน
อาหารเช้าที่มีคุณภาพควรมีโปรตีนเล็กน้อย จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดี น้ำตาลในเลือดไม่สูง อาหารเช้าง่ายๆ ได้คุณค่ามากมาย เช่น เกาเหลาและข้าวซ้อมมือ ก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ น้ำข้าวต้มเครื่องหรือขนมปังไข่ดาว นอกจากนี้อาหารเช้าที่มีคุณภาพยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
2. กินอาหารวันละ 4 -6 มื้อเล็กๆ จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญทำงานตลอดทั้งวัน และลดน้ำหนักได้มากขึ้น การทิ้งช่วงการกินระหว่างมื้อนานเกินไปทำให้ระบบเผาผลาญปรับตัวให้ทำงานช้าลง เพื่อชดเชยกับการไม่ได้กิน แต่ถ้ากินปริมาณมากเกินไป ระบบเผาผลาญจะคิดว่าร่างกายกำลังอดอยาก ก็จะพยายามเก็บพลังงานส่วนเกินทั้งหมดไว้เป็นเสบียงใช้ยามขาดแคลน
3. กินอาหารโปรตีนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร่างกายจะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 25% ในการย่อยเมื่อเทียบกับอาหารคาร์โบไฮเดรตสูง
4. กินธัญพืชไม่ขัดสีประมาณ 1/4 ของมื้ออาหาร ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวกล้องงอก ลูกเดือยหรืออาจเลือกผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลวีต อาหารในกลุ่มนี้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มีกากใยอาหารและสารแอนติออกซิแดนท์สูง ทั้งหมดนี้ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต
5. กินผักให้ได้ประมาณครึ่งจานของมื้ออาหาร อาจเติมผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารหรือจะใช้เป็นอาหารว่าง เลือกผักผลไม้หลากหลายสี ผักมีพลังงานต่ำสุดในบรรดาอาหารทุกหมวดจึงช่วยป้องกันโรคอ้วน
6. เติมเครื่องเทศรสเผ็ด สามารถเพิ่มระบบเผาผลาญได้ 20% เป็นเวลานาน 30 นาที
7. เลี่ยงหรือลดน้ำตาล ของหวาน ขนมขบเคี้ยวและขนมอบ เหล่านี้ล้วนส่งเสริมให้ระบบเผาผลาญเก็บสะสมไขมันมากกว่าการเผาผลาญไขมันออกไปใช้ นอกจากนี้น้ำตาลยังเป็นพลังงานส่วนเกินที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มได้ง่าย
8. ลดอาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมสูง อาหารที่มีเกลือสูงมักแฝงมากับอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลหรือแป้งสูง ได้แก่ พิชซ่า เนื้อสัตว์ติดมัน ไส้กรอก เบคอน ฮอทดอก กุนเชียง เค้ก คุกกี้
9. ดื่มน้ำแทนเครื่องดื่มที่มีแคลอรี ซึ่งอาจจะเป็นแคลอรีจากน้ำตาลหรือไขมัน เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น น้ำเป็นสารอาหารที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่มีแคลอรี หากดื่มน้ำน้อยไประบบเผาผลาญจะลดลงเหมือนขาดอาหาร เพราะตับจะเก็บน้ำไว้ แทนที่จะใช้ในหน้าที่อื่นๆ เช่น การเผาผลาญไขมัน พบว่าน้ำเย็นจะช่วยเพิ่มระบบการเผาผลาญได้เล็กน้อยโดยการใช้พลังงานรักษาระดับอุณหภูมิในร่างกาย
10. ดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรที่ปราศจากแคลอรี เช่น ชาอู่หลง ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อ OTPP (Oolong Tea Polymerized Polyphenol) หากดื่มขณะที่กินอาหารจะช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญได้ถึง 10%
นอกจากการระวังอาหารการกินแล้ว ต้องไม่ลืมออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่เผาผลาญพลังงานในเวลาสั้นๆ และการออกกำลังกายชนิดที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนักเพิ่มระบบเผาผลาญ ก็จะช่วยให้หนีความอ้วนและมีสุขภาพดีได้ไม่ยาก
รายการอ้างอิง :
กานต์ดา บุญเถื่อน . 2556. 10 เคล็ดลับกินไม่อ้วน. กรุงเทพฯ : กรุงเทพธุรกิจ (Life Style : สุขภาพ). ออนไลน์. สืบค้นจากอินเทอร์เน็ต, http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/health/20131121/543144/10-เคล็ดลับกินไม่อ้วน.html, ค้นเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2556.– ( 86 Views)