magnify
magnify

Open Knowledge for all 

Home เก็บมาเล่า เอามาฝาก มจธ.พบ “ธาตุหายาก” ปรับโครงสร้างอะลูมิเนียมได้เป็นรายแรกของโลก
formats

มจธ.พบ “ธาตุหายาก” ปรับโครงสร้างอะลูมิเนียมได้เป็นรายแรกของโลก

มจธ.-มจธ.เร่งพัฒนาอะลูมิเนียมหล่อผสมเจือด้วย “สแกนเดียม” หนึ่งในธาตุหายาก หลังค้นพบความสามารถในการปรับโครงสร้างรายแรกของโลก คาดหากทำสำเร็จจะนำไปสู่การประยุกต์ใช้งานเชิงวิศวกรรมได้มาก

ปัจจุบันมีการนำอะลูมิเนียมผสมมาใช้งานแทนเหล็กมากขึ้น เพราะความหนาแน่นต่ำ และมีความแข็งแรงต่อหน่วยน้ำหนักสูง ดังนั้นจึงนิยมใช้อะลูมิเนียมในด้านต่างๆมากมาย รวมถึงในการผลิตในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ข้อจำกัดที่พบคือ เมื่อนำอะลูมิเนียมไปใช้งานในอุณหภูมิที่สูงจะทำให้สูญเสียความแข็งแรงอย่างรวดเร็ว เช่น หากระบบหล่อเย็นฝาสูบเครื่องยนต์มีปัญหาหม้อน้ำแห้ง ฝาสูบก็จะโก่งเสียหายอย่างรวดเร็ว

หล่อชิ้นงานอะลูมิเนียมที่ผสม สแกนเดียม ธาตุหายาก

นอกจากนี้เครื่องยนต์ดีเซลที่มีพัฒนาการให้มีกำลังอัดที่มากขึ้น ยิ่งต้องการอะลูมิเนียมที่ทนต่อสภาวะที่รับภาระกรรมมากขึ้นที่อุณหภูมิสูงขึ้น จึงต้องพัฒนาอะลูมิเนียมผสมเพื่อนำไปใช้ในอุณหภูมิที่สูง และลดข้อจำกัดดังกล่าว อีกทั้งจะทำให้มีการนำอะลูมิเนียมไปใช้งานด้านวิศวกรรมได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จึงได้ทำวิจัยเพื่อปรับปรุงอะลูมิเนียมผสมสำหรับอุตสาหกรรมหล่อโลหะและการอัดขึ้นรูป

รศ.ดร.เชาวลิต ลิ้มมณีจิตร รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมหล่อโลหะและโลหการ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ.กล่าวว่า อะลูมิเนียมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อทางวิศวกรรมไม่ว่าวิศวกรรมยานยนต์หรืองานอื่นๆ ประกอบกับยุคปัจจุบันที่โลกเริ่มมีข้อจำกัดเรื่องของพลังงาน ทำให้โลหะที่มีความหนาแน่นต่ำ แต่มีความแข็งแรงสูง เป็นที่นิยมและอยู่ในความสนใจของวิศวกรทั่วโลกที่ต้องการพัฒนาความสามารถในการหล่อหลอมของอะลูมิเนียมเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดของเสียและการปรับโครงสร้างภายในเพื่อให้เหมาะสมกับการนำไปใช้งาน และประเด็นที่ท้าทายคือการนำเอาอะลูมิเนียมไปใช้งานในอุณหภูมิที่สูงขึ้น

รายการอ้างอิง :
มจธ.พบ “ธาตุหายาก” ปรับโครงสร้างอะลูมิเนียมได้เป็นรายแรกของโลก. (2557). กรุงเทพฯ : ผู้จัดการ. ค้นเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2557. จาก http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9570000001481.– ( 5 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*


× 3 = fifteen

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>