magnify
magnify

Open Knowledge for all 

Home เก็บมาเล่า เอามาฝาก 5 เทรนด์เทคโนโลยีแห่งปีที่ SMEs ต้องจับตามอง
formats

5 เทรนด์เทคโนโลยีแห่งปีที่ SMEs ต้องจับตามอง

ตลอดปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีในประเทศไทยถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งการเปิดใช้งานโครงข่ายไร้สาย 3G การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น รวมถึงโครงการพัฒนาบุคลากรไอทีด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ผู้เชี่ยวชาญจากหลากองค์กรหลายหน่วยงานจึงมีความเห็นตรงกันว่าปี พ.ศ. 2557 นี้จะเป็นปีทองของเทคโนโลยี

ในมุมมองของผู้ประกอบการ SMEs กระแสเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังเข้ามาในบ้านเรา ปีนี้นอกจากจะมีผลต่อการใช้ชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคแล้ว ยังเปิดโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจอีกด้วย ซึ่ง 5 เทรนด์เทคโนโลยีทรงอิทธิพลแห่งปีที่ผู้ประกอบการ SMEs ต้องติดตามคือ

1. ทีวีดิจิตอล (Digital TV)

เทคโนโลยีที่มีผลต่อ SMEs มากที่สุดปีนี้คงไม่พ้นระบบทีวีดิจิตอล หลังจากได้ข้อสรุปผลการประมูลช่องสัญญาณออกอากาศในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ได้รับสิทธิ์ต่างเดินหน้าเต็มที่เตรียมพร้อมออกอากาศ โดยล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้กำหนดให้มีการทดลองออกอากาศระบบทีวีดิจิตอลครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2557

คาดการณ์กันว่าทีวีดิจิตอล จะมีส่วนทำให้เกิดการปฏิรูปสื่อโฆษณาของโทรทัศน์ไทย และส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ มีทางเลือกมากขึ้นสำหรับการโฆษณา รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันในการสร้างเนื้อหารายการที่มีคุณภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การมาถึงของทีวีดิจิตอลยังก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดค้าขายอุปกรณ์เสริม เช่น กล่องรับสัญญาณ หรือการให้บริการติดตั้ง รวมไปถึงธุรกิจเอเจนซี่ (Agency) ประชาสัมพันธ์

2. การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payment)

แนวคิดหลักของ Mobile Payment คือการใช้โทรศัพท์มือถือแทนการใช้บัตรเครดิตหรือเงินสด เพื่อสำหรับชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งนอกจากความสะดวกสบายของผู้ใช้แล้ว ระบบ Mobile Payment ยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจเสริมโปรโมชั่นหรือใส่บริการเพิ่มเติม เช่น ทำส่วนลดร่วมกับสถาบันการเงิน หรือผูกการชำระเงินกับระบบสะสมแต้มเพื่อสมนาคุณลูกค้า

แม้ว่าแนวคิดนี้จะได้รับการยอมรับในเบื้องต้น แต่ยังไม่มีสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการรายใดเริ่มใช้งานอย่างจริงจัง เนื่องจากปัจจัยด้านเทคโนโลยีและสังคมยังไม่เอื้ออำนวย ตั้งแต่เรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อความปลอดภัยในการชำระเงิน เทคโนโลยีที่ยังไม่เสถียร เเละผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่พร้อมรองรับธุรกิจจำนวนมากที่อยากเข้าร่วมโครงการเมื่อเปิดให้บริการ

หลายปีที่ผ่านมาผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนมีจำนวนมากขึ้น เทคโนโลยีได้รับการพัฒนา และผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้น ความกังวลในด้านต่างๆ จึงได้รับการตอบสนองจากสถาบันที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นปีพ.ศ. 2557 จึงเป็นปีที่คาดว่า Mobile Payment จะมีบทบาทชัดเจนในฐานะทางเลือกใหม่สำหรับการทำธุรกิจ

3. คลาวด์ส่วนบุคคล (Personal Cloud)

หากกล่าวถึงการใช้งานระบบคลาวด์ส่วนบุคคลหรือ Personal Cloud หลายคนอาจไม่คุ้นเคยหรือไม่รู้จัก แต่ถ้าเอ่ยถึงบริการออนไลน์ เช่น ฮอตเมล์ (Hotmail) กูเกิลไดรฟ์ (Google Drive) หรือดร็อปบ็อกซ์ (Dropbox) เชื่อว่าหลายคนต้องร้องอ๋อเพราะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก โปรแกรมสำหรับช่วยจัดการเอกสาร (Office Productivity Tools) และบริการทางออนไลน์เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างของเทคโนโลยีที่ทำงานบนระบบคลาวด์ทั้งสิ้น

การให้บริการรูปแบบ Personal Cloud จะเติบโตมากในปีนี้ เป็นผลจากระบบสาธารณูปโภคทางเทคโนโลยีที่ดีขึ้น รวมทั้งผู้ให้บริการล้วนพัฒนาบริการของตนให้ผู้บริโภคเข้าถึงและใช้งานง่ายขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรให้ความสนใจระบบ Personal Cloud มากขึ้นทั้งด้านการนำมาใช้ทุ่นแรงในการทำงาน และเพิ่มโอกาสใหม่ทางธุรกิจ

4. เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing)

เครื่องพิมพ์ 3 มิติ หรือ 3D Printer เป็นเครื่องมือผลิตงานที่เป็นสิ่งของจับต้องได้แทนรูปภาพหรืองานพิมพ์ โดยวัสดุหลากหลาย เช่น พลาสติก โพลีเมอร์ ปลาสเตอร์ หรือแม้แต่เซรามิก ขึ้นอยู่กับความสามารถของเครื่องพิมพ์และเทคนิคที่ใช้ เครื่องพิมพ์ 3 มิติมีมานานแล้วแต่เพราะมีเรื่องสิทธิบัตรทำให้ราคาแพงมากจนคนทั่วไปไม่อาจจับต้องได้ แต่ในปีนี้คาดว่าราคาจะถูกลงมากจนผู้ประกอบการ SMEs ก็สามารถหามาใช้งานในธุรกิจของตนเองได้

เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เกิดความคล่องตัวและช่วยลดต้นทุนทั้งในขั้นตอนการออกแบบและการผลิต ทำให้นักออกแบบผลิตภัณฑ์สามารถมองเห็นและจับต้องตัวอย่างผลงานจากแนวคิดตัวเองได้ โดยไม่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่นการออกแบบอาหารจำพวกช็อกโกแลต การผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร เเละการผลิตอวัยวะเทียมในวงการแพทย์เป็นต้น

5. บิ๊กดาต้า (Big Data)

บิ๊กดาต้า หรืออภิมหาข้อมูล คือการนำเอาข้อมูลจำนวนมหาศาลซึ่งถูกสร้างขึ้นทุกวัน ทั้งข้อมูลที่มีรูปแบบ (อีเมล์ ฐานข้อมูลธุรกิจ) และข้อมูลที่ไร้รูปแบบ (ข้อมูลจากสังคมออนไลน์ หรือความคิดเห็นโต้ตอบบนกระทู้ รูปภาพ) มาวิเคราะห์ประมวลผลให้เกิดวิสัยทัศน์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพื่อประกอบการตัดสินใจในธุรกิจ

จุดเด่นของบิ๊กดาต้าคือสามารถนำเสนอข้อมูล มาวิเคราะห์ล่วงหน้าได้อย่างดีเยี่ยม  ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลจากการวิเคราะห์รูปแบบนี้ ไปใช้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจได้ แม้กระเเสตอบรับกระแสเทคโนโลยีบิ๊กดาต้าจะยังอยู่เพียงในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ แต่ในปีนี้บริษัทไอทีและผู้เล่นตัวหลักในอุตสาหกรรมเริ่มให้ความสนใจในการนำเสนอบริการบิ๊กดาต้าแก่ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ที่สนใจ

เทคโนโลยีที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจในปีนี้อย่างแน่นอน ทั้งในด้านโอกาสใหม่ทางธุรกิจและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน กล่าวคือ พื้นฐานทางเทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนเป็นพลวัตขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคตข้างหน้า

 

รายการอ้างอิง :

ธีระ กนกกาญจนรัตน์. (2557). 5 เทรนด์เทคโนโลยีแห่งปีที่ SMEs ต้องจับตามอง. กรุงเทพฯ : ไทยรัฐออนไลน์ (เศรษฐกิจ- เข็มทิศ SME). วันที่ 16 มกราคม 2557. จาก http://www.thairath.co.th/content/eco/396616.– ( 44 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*


2 + five =

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>