สำนักข่าวไทย นำเสนอข่าวต่างประเทศ
สิงคโปร์/กัวลาลัมเปอร์ 26 ก.พ. 2014 – สิงคโปร์และมาเลเซียกำลังเผชิญสภาพอากาศแห้งแล้งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งทำให้สิงคโปร์ต้องเพิ่มการจ่ายน้ำหมุนเวียน ขณะที่มาเลเซียจำกัดการใช้น้ำของประชาชนซึ่งทำให้การเกษตรและประมงหยุดชะงัก
รายงานระบุว่า สิงคโปร์ซึ่งปกติจะมีฝนตกหนักเป็นส่วนใหญ่เผชิญสภาพอากาศแห้งแล้งยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อช่วงวันที่ 13 มกราคม – 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และนับตั้งแต่นั้นก็แทบจะไม่มีฝนตกลงมา ปัจจุบันน้ำในสิงคโปร์ราวร้อยละ 55 ถูกนำ ไปเข้ากระบวนการแยกเกลือออกจากน้ำหรือหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายผลิตน้ำใช้เองได้ภายในปี 2604 ของสิงคโปร์ เมื่อข้อตกลงการซื้อน้ำวันละ 250 แกลลอนจากมาเลเซียปี 2505 สิ้นสุดลง
ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยามาเลเซียระบุว่า พื้นที่ 15 แห่งในมาเลเซียยังไม่มีฝนตกมากว่า 20 วันแล้ว โดยบางแห่งประสบภัยแล้งมากว่า 1 เดือน และคาดว่าสภาพอากาศแห้งแล้งในสิงคโปร์และมาเลเซียจะยืดเยี้อออกไปอีก 2 สัปดาห์ มาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มและผู้ทำสวนปาล์มน้ำมันรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกระบุว่า สภาพอากาศแห้งแล้งที่ยืดเยื้อกว่า 2 เดือนอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิต 6 เดือน – 2 ปี ซึ่งส่งให้ราคาน้ำมันปาล์มปรับขึ้นร้อยละ 8 ในเดือนนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคของมาเลเซียมีกำหนดหารือเกี่ยวกับภัยแล้งในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ซึ่งจะมีการตัดสินใจว่าจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่
นอกจากนี้ จังหวัดรีเยาของอินโดนีเซียยังได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศแห้งแล้งเช่นกัน โดยพื้นที่บางส่วนมีหมอกปกคลุม เนื่องจากเกษตรกรลักลอบจุดไฟเผาป่าเพื่อใช้เป็นพื้นที่ทำกิน ทัศนวิสัยต่ำเป็นอุปสรรคต่อเที่ยวบินทั้งขาไปและกลับจากสนามบินเปกันบารู
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ สำนักข่าวไทย อสมท. -
http://www.mcot.net/site/content?id=530dbd9bbe04700f418b4580#.Uw6ot4WDjGg– ( 102 Views)