เข้าขวบปีที่ 11 ของศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ศูนย์วิจัยด้านนาโนเทคโนโลยีในระดับชาติแห่งแรกในอาเซียน เดินหน้างาน “วิจัยมุ่งเป้า” 10  โครงการขานรับการพัฒนาประเทศด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพสังคม  โครงการพัฒนาปุ๋ยนาโนควบคุมการปลดปล่อยและวัสดุปรุงแต่งดินจากการแปรรูป ผักตบชวา เป็น 1 ตัวอย่างนำร่องในโครงการวิจัยมุ่งเป้าหรือ Flagship Programs ที่จะเห็นเป็นรูปธรรมในเร็วๆ นี้

ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  กล่าวว่า ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ มี ความตั้งใจที่พัฒนางานวิจัย โดยเฉพาะงานวิจัยมุ่งเป้า ตอบโจทย์ความต้องการหลักใน 10 โครงการวิจัยมุ่งเป้า ประกอบด้วย ด้านการเกษตร ได้แก่ โครงการพัฒนาปุ๋ยนาโนควบคุมการปลดปล่อย และวัสดุปรุงแต่งดินจากการแปรรูปผักตบชวา หรือที่เรียกว่า Smart Soil and  Fertilizer และโครงการใช้นาโนเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการผลิตอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและเพียงพอ หรือ Q  Delicious

ด้านสุขภาพของประชาชน ได้แก่ โครงการวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกซึ่งเป็นมะเร็งลำดับต้นของผู้หญิง ไทย หรือ SmartHEALTH โครงการใช้นาโนเทคโนโลยีในการกรองน้ำ หรือ  Clean Water และ โครงการควบคุมป้องกันและกำจัดยุง  หรือ Mosquito Control ที่จะช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยจากโรคไข้เลือดออกและมาลาเรีย

ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ โครงการผลิตพลังงานทางเลือกโดยใช้นาโนเทคโนโลยี หรือ Green Energy และ เรื่องการทำให้อากาศบริสุทธิ์ หรือ Clean Air และสุดท้าย คือ ด้าน การแข่งขันด้านอุตสาหกรรมของประเทศและแนวโน้มโลก ได้แก่ โครงการมาตรฐานและความปลอดภัยด้านนาโนเทคโนโลยี หรือ Nano-mark โครงการนวัตกรรมการใช้เครื่องสำอางและอาหาร จากรังไหม หรือ Miracle of Thai silk

และ โครงการเพิ่มมูลค่าสิ่งทอด้วยนาโนเทคโนโลยี หรือ NanoTextile ซึ่งจะทำให้สินค้านาโนของประเทศไทยมีมาตรฐานและปลอดภัย และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มี ประสิทธิภาพและมีมาตรฐานในระดับสากล เป็นการนำนวัตกรรมด้านนาโนเทคโนโลยี ต่อยอดและปรับใช้กับงานวิจัยด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น  โดยเฉพาะการรองรับสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นในอนาคต อันใกล้

ทั้งนี้ งานวิจัยมุ่งเป้าทั้ง 10 ด้านมีการรวมนักวิจัยสาขาต่างๆ ทั้งในศูนย์นาโนเทคและมหาวิทยาลัยต่างๆ กว่า 20 คนต่อ 1 งานวิจัย ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ในระยะสั้นแต่ละงานวิจัยจะ ต้องทำให้เห็นผลภายใน 1 ปี

ยกตัวอย่างต้นปีนี้จะเห็นเป็นรูปธรรมคือ งานวิจัยด้านการเกษตร คือ โครงการพัฒนาปุ๋ยนาโนควบคุมการปลดปล่อยและวัสดุปรุงแต่งดินจากการแปรรูปผัก ตบชวา ซึ่งจะมีโรงงานเคลื่อน ที่ในการผลิตวัสดุปรุงแต่งดินจากการแปรรูปผักตบชวา กำลังการผลิต 8 ตันต่อวัน จะช่วยให้กำจัดผักตบชวาที่ขวางทางน้ำได้จำนวนมาก ขณะเดียวกันยังได้ประโยชน์ในการนำสารปรับปรุงดินจาก ผักตบชวา ที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี กักเก็บธาตุอาหารได้ดี น้ำหนักเบาทำให้รากของต้นกล้าพืชกระจายตัวได้ดีและเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น

ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทค กล่าวว่า ศูนย์นาโนเทคเป็นหน่วยงานในสังกัด สวทช. ซึ่งมีรูปแบบการทำงานร่วมกับเอกชน 3 รูปแบบคือ การวิจัยช่วยเอกชนแก้ปัญหา โดยเฉลี่ยแล้วมีเอกชน ติดต่อในส่วนนี้ 50-60 รายต่อปี, การอนุญาตให้เอกชนเข้าถึงหรือใช้ลิขสิทธิ์งานวิจัย หมายความว่าภาคธุรกิจเอกชนสนใจใช้ประโยชน์จากงานวิจัยของศูนย์นาโนเทค และจ่ายค่าใช้สิทธิ์ให้กับผู้วิจัย  ในส่วนนี้มีผู้รับบริการแล้วประมาณ 200 โครงการวิจัย และ รูปแบบสุดท้ายคือ ที่ปรึกษาทางเทคนิคหรือ พี่เลี้ยงทางเทคโนโลยี

“ภาคเอกชนให้ความสนใจใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนาโนมากขึ้น เฉพาะปีที่ผ่านมาเอกชนลงทุนด้านนี้ถึง 940 ล้านบาท สร้างผลผลิตตามมาถึง 2,400 ล้านบาท  มากกว่างบลงทุนทำ วิจัยจากรัฐบาล” ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทค กล่าว
รายการอ้างอิง :
นาโนเทคลุย”วิจัยมุ่งเป้า”ปุ๋ยอัจฉริยะ-เชื้อเพลิงไขมันสัตว์. (2557). กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 04 มีนาคม พ.ศ. 2557 หน้า 9.– ( 93 Views)