โครงการตั๋วร่วม ถือเป็นอีกโครงการที่กระทรวงคมนาคมวาดภาพไว้อย่างสวยหรู จนส่งผลให้ประชาชนคนไทยวาดฝันตาม เหตุเพราะต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง ที่สำคัญไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าบ่อยๆ หากมีการเปลี่ยนระบบขนส่งคมนาคม

อย่างไรก็ดี โครงการตั๋วร่วมได้เดินหน้าถึงขั้นตอนการประมูลแล้ว ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข.ได้ประกาศเชิญชวนหน่วยงานเข้าร่วมยื่นเอกสารแสดงความสนใจ (Expression of Interest: EOI) โครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House: CCH) เพื่อดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา และเมื่อสิ้นสุดการรับเอกสารในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ปรากฏว่ามีกลุ่มบริษัทที่เข้าร่วมยื่นเอกสารแสดงความสนใจจำนวน 6 กลุ่ม

ล่าสุด ได้ทำการพิจารณาคุณสมบัติในเบื้องต้นและการมีผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว โดยมีจำนวน 5 กลุ่มที่มีคุณสมบัติครบและผ่านเกณฑ์การคัดเลือกดังกล่าว ได้แก่ 1.กลุ่มเอที (AT) ประกอบด้วย บจก.ไทยทรานสมิชชั่นอินดัสทรีร่วมกับกลุ่มเอเซอร์จากประเทศไต้หวัน 2.กลุ่มบีเอสวี (BSV) ซึ่งประกอบไปด้วย บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพร่วมกับกลุ่ม บจก.สมาร์ททราฟฟิค และ บจก.วิกซ์ โมบิลิตี้

3.กลุ่มอินดรา (INDRA) จากประเทศสเปน ร่วมกับกลุ่ม บจก.ไทยบริติชซีเคียวริตี้ปริ้นติ้ง 4.กลุ่มล็อตเต้ (LOTTE) จากประเทศเกาหลีใต้ ร่วมกับกลุ่มบริษัทปัญญาคอนซัลแตนส์ จำกัด และ 5.กลุ่มเอ็มเอส (MS) ประกอบด้วย บจก.เอมเอสไอโกลบอลจากประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับ บจก.สามารถ คอมเทค โดยทั้ง 5 กลุ่มล้วนมีประสบการณ์และผลงานด้านการพัฒนาระบบตั๋วร่วม และจัดทำศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) บอกว่า ขบวนการหลังจากนี้คือ ภายในกลางเดือนมีนาคมนี้จะเชิญทั้ง 5 กลุ่ม เข้ารับฟังข้อมูลแนวทางการจัดทำข้อเสนอทางด้านเทคนิคและราคา รวมทั้งตอบข้อซักถาม ซึ่งทั้งหมดจะต้องยื่นข้อเสนอภายในวันที่ 25 เมษายน 2557 โดย สนข.จะทำการเลือกกลุ่มบริษัทที่ผ่าน

ข้อเสนอทางด้านเทคนิคที่ครอบคลุมตามวัตถุประสงค์การดำเนินงาน หลังจากนั้นจึงจะทำการเปิดซองราคาเพื่อคัดเลือกบริษัทที่เสนอราคาต่ำสุดโดยคาดว่าขั้นตอนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคมนี้

“คณะกรรมการที่พิจารณาตัดสินครั้งนี้จะประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ และเชี่ยวชาญจากองค์กรต่างๆ ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง สถาบันการศึกษา รัฐวิสาหกิจ และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย”

สำหรับกลุ่มบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องดำเนินงานภายใต้

วัตถุประสงค์ของการออกแบบ และพัฒนาระบบตั๋วร่วม ที่สามารถรองรับการใช้งานสำหรับธุรกรรมในภาคการขนส่งทุกรูปแบบและธุรกรรมนอกภาคการขนส่ง และจัดให้มีระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางที่มีประสิทธิภาพในการดำเนินการให้บริการหักบัญชี (Clearing) ค่าบริการระหว่างผู้ให้บริการระบบขนส่งมวลชน และค่าสินค้าหรือบริการนอกระบบขนส่งมวลชนแต่ละรายในระบบตั๋วร่วมสภายใต้ขอบเขตในการดำเนินงานใน 7 หลัก คือ การออกแบบรายละเอียดระบบจัดเก็บรายได้และพัฒนาบัตรโดยสารร่วม การจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (CCH) และระบบเชื่อมต่อต่างๆ ของระบบตั๋วร่วม (Interface document and Interface protocol) การพัฒนาระบบต้นแบบที่ใช้กับระบบรถโดยสารประจำทาง (Bus) หรือระบบทางพิเศษ (Toll roads)

ส่วนโครงการนำร่องการพัฒนาระบบต้นแบบที่ใช้กับระบบขนส่งมวลชนทางราง (Mass Rapid Transits) สำหรับโครงการนำร่อง การทดสอบการทำงานของระบบต่างๆ การเชื่อมต่อการใช้งานระบบและการทดสอบผลการใช้งานรวมทุกระบบ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วมและระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (CCH) ภายใต้วงเงินประมาณ 400 ล้านบาท

โดยคาดว่าในช่วง 6 เดือนแรกของการดำเนินงานจะเป็นเรื่องของการออกแบบรายละเอียดของระบบตั๋วร่วมและศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางสอีก 6 เดือนถัดไปจะเป็นในส่วนของการติดตั้งระบบ และอีก 6 เดือนถัดไปจะเป็นการเชื่อมต่อและทดสอบระบบกับต้นแบบโครงการนำร่อง หลังจากนั้นจะเป็นการพัฒนาและปรับปรุงระบบต่างๆ ที่มีความพร้อมทยอยเข้าร่วมใช้ระบบตั๋วร่วม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายใน 30 เดือน

รายการอ้างอิง :

สนข.เดินหน้าประมูลตั๋วร่วม 5กลุ่มต่างชาติปักหลักชิงดำ. (2557). สยามธุรกิจ. ฉบับวันที่ 15 มีนาคม 2557, หน้า 7.

 – ( 423 Views)