Android 5.0 Lollipop ปรับมาใช้อินเทอร์เฟซแบบใหม่ Material Design หมายถึง สามารถใช้ได้ดีในหลากหลายอุปกรณ์ หลายขนาด
การ upgrade version ครั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยมีสิ่งที่น่าสนใจตามนี้
- Notification ในหน้า Lock Screen โดยเลือกได้ว่าจะให้แสดงข้อมูลอะไรบ้าง เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
- Project Volta ช่วยให้ยืดอายุแบตได้เพิ่มอีกสูงสุด 90 นาที
- แสดงเวลาที่จะต้องใช้เพื่อชาร์จไฟให้เต็ม
- แสดงเวลาที่สามารถใช้งานต่อได้เวลาแบตใกล้หมด
- รองรับผู้ใช้หลายคนบนโทรศัพท์และแท็บเล็ต ถ้าลืมเอามือถือมา ก็สามารถล็อกอินบัญชี Android บนโทรศัพท์คนอื่น (ต้องเป็น Lollipop ขึ้นไป) เพื่อโทรหาคนในสมุดที่อยู่ได้
- โหมด Guest สำหรับให้เพื่อนใช้งานโดยไม่ยุ่งกับข้อมูลส่วนตัวของบัญชีหลัก ใช้ได้กับทั้งมือถือและแท็บเล็ต
- Pin screen ล็อคหน้าจอให้คนอื่นดูได้อย่างเดียว เปลี่ยนไปหน้าอื่นไม่ได้
- เปิดปิดการทำงานของ Wi-Fi, Bluetooth, Location ได้ง่ายขึ้น
- เปลี่ยนมาใช้ ART แทน Dalvik เพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุดถึง 4 เท่า, UI ลื่นกว่าเดิม, บีบอัดแอพและเซอร์วิสที่รันอยู่เบื้องหลังให้ใช้หน่วยความจำน้อยลง เปิดแอพได้พร้อมกันมากขึ้น
- เอนจินกล้องตัวใหม่ ถ่ายวิดีโอความเร็ว 30 FPS, รองรับไฟล์ RAW, ควบคุมเซ็นเซอร์ เลนส์ แฟลช ได้ดีกว่าเดิม
- ตั้งค่ามือถือใหม่ได้ง่ายๆ ผ่านการแตะ NFC กับมือถือเครื่องเก่า
- รองรับการปลุกเครื่องด้วยการแตะจอสองที หรือการหยิบมือถือขึ้นมา (ฮาร์ดแวร์ต้องใช้ได้ด้วย)
เรามาดูกันว่า การปรับเปลี่ยนทั้งหมดนั้น มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
Notification
- Notification ในหน้า Lock Screen โดยเลือกได้ว่าจะให้แสดงข้อมูลอะไรบ้าง เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
- Priority Mode แสดงเฉพาะข้อมูลและสายเข้าจากบางคน กำหนดช่วงเวลาได้ (เช่น ห้ามรบกวนตอนนอน) เปิดใช้โหมดนี้โดยกดปุ่ม volume
- สายเข้าจะไม่ขัดจังหวะเวลาเรากำลังดูวิดีโอ โดยวิดีโอจะเล่นต่อไป และเราเลือกได้ว่าจะรับหรือไม่รับสาย
- สามารถปิดการแจ้งเตือนเป็นรายแอพได้ จัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนจากแต่ละแอพได้
Battery
- Project Volta ช่วยให้ยืดอายุแบตได้เพิ่มอีกสูงสุด 90 นาที
- แสดงเวลาที่จะต้องใช้เพื่อชาร์จไฟให้เต็ม
- แสดงเวลาที่สามารถใช้งานต่อได้เวลาแบตใกล้หมด
Security
- สำหรับอุปกรณ์เปิดใช้งานใหม่ จะเข้ารหัสข้อมูลในเครื่องทั้งหมด (ข่าวเก่า)
- แอพทุกตัวจะถูกบังคับใช้ SELinux (Security-Enhanced Linux) เพื่อยกระดับความปลอดภัยจากมัลแวร์
- Android Smart Lock ปลดล็อคได้ด้วยอุปกรณ์ trusted device เช่น นาฬิกา Android Wear
Device Sharing
- รองรับผู้ใช้หลายคนบนโทรศัพท์แล้ว (ของเดิมใช้ได้เฉพาะแท็บเล็ต) ถ้าลืมเอามือถือมา ก็สามารถล็อกอินบัญชี Android บนโทรศัพท์คนอื่น (ต้องเป็น Lollipop ขึ้นไป) เพื่อโทรหาคนในสมุดที่อยู่ได้
- โหมด Guest สำหรับให้เพื่อนใช้งานโดยไม่ยุ่งกับข้อมูลส่วนตัวของบัญชีหลัก ใช้ได้กับทั้งมือถือและแท็บเล็ต
- Pin screen ล็อคหน้าจอให้คนอื่นดูได้อย่างเดียว เปลี่ยนไปหน้าอื่นไม่ได้
New Quick Settings
- หน้าจอ Quick Settings สำหรับตั้งค่าด่วน (ใช้สองนิ้วลากลงจากขอบจอบน) เพิ่มปุ่มไฟฉาย, เปิดปิด Wi-Fi hotspot, Chromecast
- เปิดปิดการทำงานของ Wi-Fi, Bluetooth, Location ได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มตัวปรับความสว่างหน้าจอ แบบเดียวกับที่มือถือ Android (ที่ไม่ใช่ Nexus) มีกันมานานแล้ว
Connectivity
- ปรับปรุงการย้ายการเชื่อมต่อ เช่น จาก Wi-Fi เดินออกนอกบ้านมาต่อ 3G การเชื่อมต่อจะสะดุดน้อยลงมาก
- ปรับปรุงการเลือกเครือข่าย สามารถกำหนดให้ต่อเฉพาะ Wi-Fi ที่ต่อเน็ตได้เท่านั้น
- ปรับปรุงการสแกนหาอุปกรณ์ Bluetooth Low Energy (BLE) ที่อยู่รอบตัวให้ประหยัดพลังงานกว่าเดิม และเพิ่มโหมด BLE peripheral
Runtime and Performance
- เปลี่ยนมาใช้ ART แทน Dalvik เพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุดถึง 4 เท่า, UI ลื่นกว่าเดิม, บีบอัดแอพและเซอร์วิสที่รันอยู่เบื้องหลังให้ใช้หน่วยความจำน้อยลง เปิดแอพได้พร้อมกันมากขึ้น
- รองรับการทำงาน 64 บิตทั้ง ARM, x86, MIPS โดยอุปกรณ์ตัวแรกที่รัน 64 บิตคือ Nexus 9
- แอพมาตรฐานของกูเกิล เช่น Chrome, Gmail, Calendar, Google Play Music ปรับเป็น 64 บิตแล้ว
Media
- ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านกราฟิก วิดีโอ เสียง กล้อง
- รองรับ low latency audio input ช่วยให้แอพด้านดนตรีและการสื่อสารลดการดีเลย์ลง
- รองรับ multi-channel audio stream สามารถมิกซ์เสียงได้สูงสุด 7.1 ช่องทาง
- รองรับ USB Audio สามารถต่ออุปกรณ์ด้านเสียงผ่านพอร์ต USB ได้แล้ว
- ระบบกราฟิก OpenGL ES 3.1 และ Android Extension Pack เพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกเกม
- เอนจินกล้องตัวใหม่ ถ่ายวิดีโอความเร็ว 30 FPS, รองรับไฟล์ RAW, ควบคุมเซ็นเซอร์ เลนส์ แฟลช ได้ดีกว่าเดิม
- รองรับโค้ดวิดีโอ HEVC main profile สำหรับเล่นวิดีโอ 4K 10-bit
อื่นๆ
- พูดคำสั่ง OK Google ได้แม้ปิดหน้าจออยู่ (เฉพาะ Nexus 6 และ Nexus 9)
- ตั้งค่ามือถือใหม่ได้ง่ายๆ ผ่านการแตะ NFC กับมือถือเครื่องเก่า
- รองรับ Print Preview และเลือกช่วงหน้า (print range) ในหน้าจอสั่งพิมพ์
- ปรับปรุงการเรียงไอคอนในเมนู Share
- รองรับการปลุกเครื่องด้วยการแตะจอสองที หรือการหยิบมือถือขึ้นมา (ฮาร์ดแวร์ต้องใช้ได้ด้วย)
- รองรับฮาร์ดแวร์คีย์บอร์ดมากกว่าเดิม รองรับปุ่มแบบใหม่ๆ เช่น ปุ่มค้นหา หรือปุ่ม emoji เป็นต้น
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ https://www.blognone.com/node/61646 , ค้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2557.– ( 228 Views)