The Washington Post ได้รายงานว่า ในช่วงเวลา สามปีครึ่งของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีประธานาธิบดีโอบามา ได้ยกเครื่องระบบการศึกษาของรัฐนับตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และกฏหมายการปฏิรูปการศึกษาได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแล้ว และกำลังจูงใจให้รัฐต่างๆ รับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่มีผู้นำประเทศคนก่อนๆได้พยายามทำมาก่อน
ประธานาธิบดีโอบามาได้จัดสรรงบประมาณหลายพันล้าน เหรียญสหรัฐฯ ในการตั้งงบประมาณให้กับรัฐต่างๆ ที่ตกลงสนับสนุนโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ (charter school) โดยใช้คะแนนการทดสอบนักเรียนในการประเมินครูและรับนโยบายการบริหารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น โอบามายังทบทวนนโยบาย “ไม่มีเด็กคนไหนถูกทอดทิ้ง” (No Child Left Behind) ของประธานาธิบดี จอร์ส บุซ ซึ่งสภาคองเกรสได้เคยมีมติผ่านกฏหมายนี้ (The No Child Left Behind Act of 2001 (NCLB) เป็นการอนุมัติ ขยายกฏหมายที่ชื่อ Elementary and Secondary Education Act ซึ่งประกอบด้วยโครงการสำคัญสำหรับนักเรียนด้อยโอกาส และสนับสนุนการปฏิรูปมาตรฐานการศึกษามาตรฐานโดยยึดตามมาตรฐานที่ตั้งไว้และ กำหนดเป้าหมายการวัดที่จะปรับปรุงผลลัพธ์ทางการศึกษา กฏหมายดังกล่าวต้องการให้รัฐพัฒนาการประเมินทักษะ พื้นฐานแก่นักเรียนในระดับต่างๆ เพื่อรับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง กฏหมายฉบับนี้ไม่มีการกำหนดมาตรฐานการวัดระดับชาติ แต่ให้รัฐต่างๆ กำหนดมาตรฐานการวัดของตนเอง ซึ่งเป็นการขยายบทบาทของรัฐบาลกลางในด้านการ ศึกษารัฐโดยเน้นการทดสอบประจำปี ความก้าวหน้าทางวิชาการประจำปี รายงานผลครูที่มีคุณภาพ และการเปลี่ยนแปลงในงบประมาณสนับสนุน กฏมายดังกล่าวผ่านสภาคองเกรสและได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรค
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nstda.or.th/nstda-knowledge/9289-sci-tech-news
คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด
แหล่งที่มา : Office of Science and Technology. (2555). รายงานข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจาก วอชิงตัน เดือนตุลาคม 2555. (ค้นข้อมูลวันที่ 5 ตุลาคม 2555 ) จาก http://www.ostc.thaiembdc.org/test2012/S&Tnewsletter– ( 97 Views)