เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) นอกจากมีแนวคิดเรื่องสมาร์ทโฮม ซึ่งเชื่อมต่อระบบอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และแนวคิดเรื่องสมาร์ทคาร์หรือ Connected Car ซึ่งหมายถึงรถยนต์ของเราสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และสามารถสื่อสารกับอุปกรณ์ต่างๆ รอบๆ ตัวเรา มีระบบบนมือถือที่สามารถ “คุย” หรือสื่อสารกับรถยนต์ผ่านหน้าปัดบนรถยนต์ได้แล้ว เทคโนโลยี Internet of Things คงไม่จำกัดอยู่แค่นั้น มันถูกนำไปขยายผลกว้างกว่านั้น มันอยู่ทุกหนทุกแห่งจริงๆ เรากำลังหมายถึง เมือง (City) ที่เราอาศัยอยู่นั่นเอง คาดการณ์ว่าทั่วโลกมีการย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่เพิ่มขึ้นทุกปี ปีละกว่า 60 ล้านคน และในปี 2593 ประชากรโลกจะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ถึงร้อยละ 60 คำว่า เมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทซิตี้ เราคงไม่ได้หมายถึงเมืองที่มีบริการไว-ไฟให้เชื่อมต่อฟรีทุกหนทุกแห่งเท่านั้น (แต่ความเป็นจริง Free Wi-Fi ผมไม่เคยใช้ได้เลยอย่างกรุงเทพฯ) – ( 101 Views)
Internet of Things
ดร.อดิสร นักเทคโนโลยีจากเนคเทค ฉายภาพทิศทาง Smart Home กำลังจะมาแรงในปี 2014 ผลพวงจาก Internet of Things เทคโนโลยีที่ทำให้การใช้ชีวิตอัจฉริยะยิ่งขึ้น ระบบบ้านอัจฉริยะ หรือ Smart Home นอกจากจะหมายถึง ระบบควบคุมอุณหภูมิของบ้าน ระบบรักษาความปลอดภัยภายในและภายนอกบ้าน หรือ ระบบความบันเทิงต่างๆ แต่ครอบคลุมไปถึงระบบเชื่อมโยงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทุกชนิดเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ภายในห้องครัวจนถึงห้องน้ำเลยทีเดียว และที่สำคัญที่สุดคือ เชื่อมโยงกับผู้อยู่อาศัยทุกคนภายในบ้าน และเชื่อมโยงกับข้อมูลที่มีอยู่มากมายบนโลกออนไลน์ เรียกได้ว่า connected life เลยทีเดียว เทคโนโลยีที่ผมกล่าวมานี้พวกเราเรียกว่า เทคโนโลยี Internet of Things ความจริงเทคโนโลยีนี้ถือกำเนิดมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1999 โดยนักเทคโนโลยีนามว่า Kevin Ashton เป็นคนตั้งชื่อเทคโนโลยีนี้ โดยมีไอเดียว่าในอนาคตไม่ไกล คอมพิวเตอร์จะมีขนาดเล็กลงจนสามารถเข้าไปอยู่ในอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และสามารถเก็บข้อมูล รับส่งข้อมูลระหว่างกันได้โดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์สั่งการ ซึ่งในขณะนั้นเรามีเทคโนโลยี RFID หรือ การสื่อสารและระบุตัวตนด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งจะสามารถประกอบร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิ ความร้อน