magnify
magnify

Open Knowledge for all 

Home เก็บมาเล่า เอามาฝาก SIX DEGREES COULD CHANGE THE WORLD : 6 องศาเปลี่ยนโลก
formats

SIX DEGREES COULD CHANGE THE WORLD : 6 องศาเปลี่ยนโลก

เนื่องจากได้มีโอกาสร่วมเข้าฟังประชุมวิชาการของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และวิทยากรได้ถามคำถามที่ไม่คาดคิดขึ้นว่า “ทราบหรือไม่ ว่าโลกของเราอุณหภูมิสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณกี่องศา” แต่คนก็รีบหยิบ Smart Devices ที่มีอยู่ในมือขึ้นมาค้นหาคำตอบกันจ้าละหวั่น มีหลายคนตอบใกล้เคียง แต่ไม่มีใครตอบถูก ซึ่งพอคิดดีๆ แล้ว หากถามคำถามนี้อีก 1 – 2 ปีข้างหน้า คำตอบอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้

จากการค้นหาคำตอบดังกล่าวจึงทำให้ได้ลองอ่าน และดูสารคดีเกี่ยวกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นด้วยความหวาดหวั่นเพราะกลัวคำตอบจะออกมาน่ากลัวอย่างที่คิดไว้ ซึ่งคำตอบนั้นก็น่ากลัวจริงๆ จึงอยากนำมาแบ่งปัน เล่าสู่กันอ่านให้ได้ตระหนักว่า ‘ทุกองศาที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง มีผลต่อโลกใบนี้’ อย่างน่ากลัวจนคาดไม่ถึง

จากสภาวการณ์ดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์หลายพันคนทั่วโลกจึงได้พัฒนาเครื่องมือในการช่วยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของโลก เหมือนกับเครื่องเอ็กซเรย์ เครื่องมือพวกนี้ทำให้เราเห็นในสิ่งที่เราอาจมองไม่เห็นมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น นักกาลวิทยา (climatologist) จะสำรวจฟองอากาศที่อยู่ภายในน้ำแข็งเพื่อให้ทราบถึงสภาพภูมิอากาศเมื่อหลายพันปีที่แล้ว นักกาลวิทยาพบว่าโลกของเรามีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 5 องศาเซลเซียส หรือประมาณ 9 องศาฟาเรนไฮท์ โดยเริ่มอุณหภูมิสูงขึ้นเมื่อประมาณ 15,000 ปีก่อน การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นทีละเล็กละน้อยในช่วงระยะเวลา 5,000 ปี

ปัญหาของเราในปัจจุบันก็คือ โลกกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ เทียบเท่ากับที่กล่าวมา แต่ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ร้อยปี นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกในช่วงไม่กี่ปีมานี้ด้วย ในช่วงปี ค.ศ. 1880 เริ่มมีการบันทึกอุณหภูมิของหลายๆ ที่บนโลก เราจึงสามารถทราบได้อย่างชัดเจนว่า เฉลี่ยแล้วโลกของเราอุณหภูมิสูงขึ้นจากตอนนั้นมากน้อยแค่ไหน

ซึ่งจากบันทึกนั้น ชี้ให้เห็นว่าในระหว่างปี ค.ศ. 1880-2000 อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้นประมาณ 0.8 องศาเซลเซียส หรือเท่ากับประมาณ 1.4 องศาฟาเรนไฮท์ และนักวิทยาศาสตร์คาดว่า โลกของเราจะอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 3 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า เมื่อถึงปี ค.ศ. 2100 ถึงแม้ตัวเลขจะดูไม่มาก และไม่น่ากลัวแต่อย่างใด แต่หากลองคิดว่า น้ำจะแข็งเป็นน้ำแข็งที่อุณหภูมิศูนย์องศาเซลเซียส หรือประมาณ 32 ฟาเรนไฮท์ และไม่สามารถแข็งเป็นน้ำแข็งได้ที่ 0.5 องศาเซลเซียส หรือ 33 ฟาเรนไฮท์ ตัวเลขต่างกันแค่ 0.5 องศาเซลเซียสเท่านั้น

นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับธารน้ำเข็ง (glacier) ซึ่งเป็นมวลน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ที่อยู่บริเวณขั้วโลกและภูเขาสูง พบว่ากว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของธารน้ำแข็งทั่วโลกมีขนาดเล็กลง และน้ำแข็งที่ละลายก็เป็นเหตุทำให้ระดับน้ำทะเลของโลกสูงขึ้นด้วย นักวิทยาศาสตร์พบว่าระดับน้ำทะเลของโลกสูงขึ้นถึง 18 เซนติเมตร หรือ 7 นิ้ว นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 และดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช้าลงเลย

จากสารคดี “Six Degrees Could Change the World” หรือ “อุณหภูมิ 6 องศาเซลเซียส เปลี่ยนแปลงโลก” นำเสนอแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิทั้ง 5 ทวีป จัดทำโดยเนชั่นแนล จีโอ กราฟฟิก โดยมีแรงบันดาลใจจากหนังสือ “Six Degrees” ซึ่ง “มาร์ค ไลนัส” นักข่าวและนักอนุรักษนิยมชาวอังกฤษค้นคว้าบทความทางวิชาการหลายหมื่นชิ้น เพื่อเผยให้เห็นความน่าสะพรึงกลัวของอุณหภูมิโลกที่จะเพิ่มขึ้น 6 องศาเซลเซียส ในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งสามารถรวบรวมและสรุปความเปลี่ยนแปลงแต่ละองศาได้ ดังนี้

1 องศา
-
มหาสมุทรอาร์กติกจะปราศจากน้ำแข็งเป็นเวลา 6 เดือน ปิดเส้นทางเดินเรือ “นอร์ทเวสต์ พาสสาจ” เส้นทางเชื่อมระหว่างยุโรปและเอเชีย ซึ่งเคยสร้างตำนานแห่งการผจญภัยให้นักบุกเบิกเผชิญหน้ากับความตาย ขณะพยายามแล่นเรือฝ่าแผ่นน้ำแข็ง และสภาพอากาศเลวร้ายอันแสนหนาวเหน็บมานักต่อนัก
- กระแสน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้หลายพันครัวเรือนบริเวณอ่าวเบงกอลจมหายอยู่ใต้น้ำ
- พายุเฮอริเคนอาจเข้าโจมตีมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้
- เกิดความแห้งแล้งอย่างรุนแรงทางภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ตลาดขาดแคลนข้าวและเนื้อสัตว์
- พื้นที่ด้านฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา จะแปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย
- วิถีเกษตรกรรมในประเทศอังกฤษจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไร่องุ่นกว่า 400 แห่ง แหล่งผลิตไวน์รสเลิศจะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น

2 องศา
- ธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ค่อยๆ ละลายหายไป “จาคอบชวาน” ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ กลายเป็นธารน้ำแข็งที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดในโลก 
- เมื่อน้ำแข็งในทะเลลดน้อยลง หมีขั้วโลกเหนือจะตกอยู่ในสภาวะอันตรายและถึงขั้นเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
- แมลงอาจอพยพไปพื้นที่ใหม่ๆ เช่น ด้วงสนอาจทำลายป่าไม้ทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา
- ขั้วโลกเหนือของประเทศแคนาดา บริเวณพื้นราบจะมีป่าไม้จากเดิมที่ไม่เคยมีมาก่อน
- ประเทศตูวาลูในหมู่เกาะแปซิฟิก อาจจมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
- ระบบนิเวศทางทะเลจะเกิดผลกระทบรุนแรง ทำให้ปะการังเขตร้อนตายหมดสิ้น

3 องศา
- ป่าอะเมซอนจะแห้งเหือดและเกิดไฟป่าซ้ำซาก ทำให้ผืนป่าอะเมซอนเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ตัวการโลกร้อนหลายร้อยตันสู่ชั้นบรรยากาศโลก
- ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาแอลป์ละลายจนหมดสิ้น
- ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในฝั่งทวีปยุโรปจะแห้งเหือดในฤดูร้อน
- ปรากฏการณ์เอลนีโญ่จะทวีความรุนแรง เกิดสภาวะอากาศวิปริตแปรปรวน
- พายุเฮอริเคนจะทวีความรุนแรงเป็นระดับ 6 ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ 
- เมื่อโลกร้อนขึ้นอีก 3 องศาเซลเซียส นักวิทยาศาสตร์เห็นพ้องต้องกันว่า จะเกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์

4 องศา
- แผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรแอนตาร์กติกตะวันตก อาจละลายและจมหายไปในทะเล ส่งผลให้ระดับน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้น เกิดปัญหาน้ำท่วมรุนแรงบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้ประเทศต่างๆ ได้รับความเสียหาย เช่น บังกลาเทศ และอียิปต์ ส่วนเมืองเวนิสทั้งเมืองอาจจมอยู่ใต้บาดาล
- แม่น้ำคงคาสายน้ำแห่งชีวิตของคนกว่าพันล้านคนในประเทศจีน เนปาล และอินเดีย จะเอ่อล้นท่วมครั้งยิ่งใหญ่ และจากผลพวงการละลายของธารน้ำแข็งในเทือกเขาหิมาลัย ที่คาดว่าจะละลายหมดในปี 2578 จะเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำ อาหาร และที่อยู่อาศัยตามมา
- ประเทศแคนาดาทางตอนเหนือจะกลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

5 องศา
- แผ่นดินที่ไม่เคยมีมนุษย์อาศัยอยู่ทางตอนเหนือและใต้ของโลก จะกลายเป็นเขตอบอุ่น และกลายเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในอนาคต
- มหานครของโลก เช่น ลอสแองเจลิส กรุงไคโร ลิมา และบอมเบย์ ที่เคยปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งบางช่วงเวลาจะไม่มีหิมะตกอีกต่อไป
- ผู้คนหลายสิบล้านคนจะกลายเป็นผู้อพยพลี้ภัย อันเนื่องมาจากสภาพอากาศและความขัดแย้ง อันเกิดจากการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ

6 องศา
- โลกของเราจะมีสภาพคล้ายคลึงกับยุคครีเตเซียส ซึ่งโลกมีอุณหภูมิสูงมาก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 65-144 ล้านปีก่อน 
- น้ำทะเลมีสีฟ้าใส เพราะไม่หลงเหลือวงจรห่วงโซ่อาหาร และสารอาหารในทะเลอีกแล้ว
- ทะเลทรายจะเข้ายึดครองพื้นที่ในทวีปต่างๆ ทั่วโลก
- ภัยพิบัติทางธรรมชาติกลายเป็นเรื่องปกติ เมืองใหญ่ๆ เกิดภาวะอุทกภัยจนผู้คนต้องอพยพย้ายถิ่นฐาน 

จากการรวบรวมและสรุปความเปลี่ยนแปลงแต่ละองศาที่กล่าวมานี้ อาจจะทำให้หลายๆ คนเริ่มได้หันกลับมามองความเปลี่ยนแปลง หรือความไม่ปกติของสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ไม่มากก็น้อย เช่นเดียวกับผู้เขียนที่ได้เริ่มสังเกตว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่มะม่วงในสวนที่บ้านต้องออกช่อดอก ออกผลให้ได้รับประทานเป็นประจำทุกปี กลับไม่มีช่อดอกงอกออกมาให้ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อย เห็นจะมีก็แต่ใบสีเขียวเต็มต้นไปหมด และถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป คงจะไม่ให้แค่มะม่วง แต่อาจจะรวมถึงอาหารที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันด้วยเช่นกัน

 

รายการอ้างอิง :

Butsabong.  (2556).  6องศาเซลเซียสเปลี่ยนโลกทั้งโลก ความน่ากลัวของ ภาวะโลกร้อน. ค้นคืนเมื่อ 11 มีนาคม 2556, จาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=232988.

PlanetNutshell. (2556).  วิทยาศาสตร์ภูมิอากาศโลกฉบับย่อ: ตอนที่ 3 หลักฐานแสดงว่าโลกร้อนขึ้น (Evidence of a Warming Planet). ค้นคืนเมื่อ 11 มีนาคม 2556, จาก http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=441.

MrAsultan11.  (2004).  Six Degrees Could Change The World.  Retrieved March 11, 2013, from http://www.youtube.com/watch?v=TKo4TSq40l0.– ( 6272 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*


− four = 5

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>