magnify
magnify

Open Knowledge for all 

Home Health อาการไอเรื้อรัง
formats

อาการไอเรื้อรัง

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะสภาวะโลกร้อนในปัจจุบันยิ่งทำให้อากาศปรวนแปร บางครั้งก็มีครบทั้งสามฤดูในวันเดียว เช้าหนาว กลางวันร้อน เย็นฝนตก จนทำให้ร่างกายของมนุษย์เราปรับตัวไม่ทัน และส่งผลให้เกิดอาการป่วยในที่สุด ยังไม่นับรวมไปถึงโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศอีกมากมายที่ผู้เกี่ยวข้องกำลังศึกษาค้นคว้าหาวิธีรักษาเพื่อมนุษยชาติกันอย่างแข็งขัน แต่อาการหรือโรคที่เกิดใกล้ตัวและไม่ควรมองข้ามคือ อาการไอ หากอาการไอแล้วหายในเวลาไม่นาน ย่อมเป็นอาการที่ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเป็นอาการไอเรื้อรัง เคยสงสัยหรือไม่ว่า จะส่งผลและเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรบ้างอย่างที่เกี่ยวกับร่างกายของเราหรือไม่

อาการไอ คือ ร่างกายกำลังพยายามทำให้ปอดและทางเดินหายใจโล่ง โดยอาจไอแบบแห้งๆ (ไม่มีเสมหะ) หรือไอมีเสมหะ การไออาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย บางครั้งอาจเกิดจากภาวะภูมิแพ้ หรือสิ่งระคายเคืองโดยเฉพาะบุหรี่ อาการไออาจเป็นผลจากการระคายเคืองโดยตรงต่อปอด หรือจากน้ำมูกที่ไหลลงในหลอดลมซึ่งเกิดจากการคั้งของมูกในทางเดินหายใจ ถ้าสาเหตุเกิดจากหัด การไออาจอยู่อีกเป็นเวลานานหลายสัปดาห์หลังจากอาการอื่นๆ หายหมดแล้วก็ได้

กำลังเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีอาการไอ
ผิวเยื่อบุทางเดินหายใจจะมีลักษณะคล้ายขนเรียกว่า Cilia ซึ่งทำหน้าที่โบกพัดไปมาคล้ายไม้กวาดขนาดจิ๋ว ที่กวาดเอามูก เชื้อโรค และฝุ่น ไม่ให้เข้าไปในปอดและหลอดลม สำหรับคนสูบบุหรี่จะมีการทำงานของ cilia เสียไป ซึ่งจะไม่สามารถโบกพัดได้เช่นเดิม ทั้งนี้การติดเชื้อ การมีปฏิกิริยาภูมิแพ้ และอากาศแห้งๆ ก็อาจมีผลต่อการทำงานของ cilia ได้ จึงทำให้เกิดการสะสมของสิ่งคัดหลั่งขึ้น แล้วร่างกายจะมีปฏิกิริยา ป้องกันตนเองเพื่อทำให้ทางเดินหายใจโล่ง โดยการไอออกมาอย่างแรง ซึ่งอาจมีความเร็วลมได้ถึง 160 กม. /ชม.

นานแค่ไหนถึงจะเรียกว่าไอเรื้อรัง
ระยะเวลาไอที่เข้าข่ายไอเรื้อรังอาจแตกต่างกัน ไปบ้างแล้วแต่ความเห็น อาจนับตั้งแต่ 3 สัปดาห์จน กระทั่งถึง 8 สัปดาห์ ระยะเวลาดังกล่าวกำหนดขึ้นเพื่อ แยกอาการไอจากหวัดส่วนใหญ่ออกไปก่อน เพราะร้อยละ 70-80  ของอาการไอเนื่องจากหวัดมักหายภาย ใน 3 สัปดาห์ และอย่างช้าก็มักไม่เกิน 2 เดือน การที่ ผู้ป่วยบางรายหายไอช้าเนื่องจากเยื่อบุผิวหลอดลมยัง ไม่เข้าสู่ปกติหรือมีภาวะหลอดลมไวหลงเหลืออยู่

ลักษณะการไอของแต่ละโรค มีรายละเอียด ดังนี้

  1. โพรงจมูกและไซนัสอักเสบ มักไอจากมีเสมหะไหลลงคอหรือมีคอ อักเสบร่วมด้วย เมื่อมีคออักเสบคอจะยิ่ง ระคายเคือง ถูกกระตุ้นให้ไอได้ง่าย การ เอ็กซเรย์ไซนัส จะเป็นการตรวจที่จะช่วย ยืนยันว่ามีหรือไม่มีไซนัสอักเสบ การรักษา เน้นที่ให้ยาลดอาการคัดจมูก และให้ยา ปฏิชีวนะถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย หาก มีโรคภูมิแพ้ก็ควรรักษาแบบภูมิแพ้ไปด้วย ร่วมกับยาสเตอรอยด์พ่นจมูกตามข้อบ่งชี้ เมื่อการอักเสบดีขึ้นอาการไอก็จะดีขึ้น ตามลำดับ
  2. โรคหืด ถ้าหายใจมีเสียงดังวี๊ดๆ หรือหอบ จากหลอดลมตีบร่วมกับอาการไอในคนไข้ที่มีประวัติหอบหืดหรือภูมิแพ้ การ วินิจฉัยคงไม่ยาก เมื่อให้การรักษาแบบ โรคหืดโดยใช้ยาสูดสเตอรอยด์ร่วมกับ ยาขยายหลอดลมอาการไอก็จะดีขึ้นอย่าง รวดเร็ว แต่บ่อยครั้งอาการเนื่องจากหลอด ลมตีบอาจไม่ชัดเจนหรือไม่มีเลย มีแต่ อาการไอเพียงอย่างเดียว นอกจาก ประวัติและตรวจร่างกายแล้วอาจต้อง อาศัยการตรวจสมรรถภาพปอดหรือ การทดสอบความไวของหลอดลมจึงจะ ให้การวินิจฉัยได้
  3. ไอตามหลังหวัด อย่างที่บอกข้างต้นแล้ว ครับว่าไอจากหวัดโดยส่วนใหญ่จะหาย ภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่มีประมาณร้อยละ 20 ที่ไออยู่เป็นเดือนๆ เนื่องจากเกิดภาวะ หลอดลมไวขึ้นชั่วคราว หรือไม่ก็การ ทำงานของเยื่อบุหลอดลมยังไม่กลับสู่ ปกติ คนไข้มักจะไอมากขึ้นเมื่อกระทบเย็น ควันธูปควันบุหรี่ที่ระคายเคืองหรือกลิ่นฉุน การรักษาที่สำคัญคือ ให้คนไข้เข้าใจ ธรรมชาติของโรค ยาที่ให้จะเป็นยา บรรเทาอาการ เช่นยาละลายเสมหะ ส่วน ยาระงับไอจะให้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ถ้า ไอมากๆ อาจลองให้ยาสเตอรอยด์สูดร่วม กับยาขยายหลอดลมในขนาดต่ำๆ แต่มัก ได้ผลไม่ชัดเจน
  4. โรคกรดย้อน โรคนี้ทำให้เกิดอาการไอ หรือบางครั้งเสียงแหบได้ มีผู้ป่วยโรคนี้ถึง 1 ใน 3 ที่ไม่มีอาการของหลอดอาหาร เลยทำให้วินิจฉัยยาก การวินิจฉัยให้ แน่นอนทางห้องปฏิบัติการอาจยุ่งยากเล็ก น้อยโดยการตรวจวัดความเป็นกรดพร้อมๆ ไปกับการวัดความดันในหลอดอาหารตลอด 24 ชม. ในทางปฏิบัติหากแพทย์ผู้ตรวจ สงสัยว่า อาจเป็นโรคนี้ก็อาจลองให้ยา รักษาแบบโรคกรดย้อนไปเลยแล้วดูผล การรักษาหลังจากนั้น
  5. ไอจากยาลดความดันกลุ่ม angiotensin converting enzyme inhibitor (ACEI) มีไม่น้อย อาจถึงร้อยละ 10-40 ที่ผู้ป่วย ความดันโลหิตสูงแพ้ยากลุ่มนี้ โดยเมื่อ ได้ยากลุ่มนี้ไปสักระยะจะค่อยๆ เกิด อาการไอขึ้นมา ผู้ป่วยมักบอกว่ามีอาการ ไอแห้งร่วมกับอาการคันคอยิบๆ วิธีรักษา ที่ดีที่สุดคือเลิกใช้ยากลุ่มนี้ ถ้าจำเป็น ต้องใช้ยากลุ่มนี้ต่อไปแพทย์อาจต้องใช้ยา ตัวอื่นมาช่วยคุมอาการไอ แต่ก็มักได้ผล ไม่ดีนัก
  6. ไอจากการสูบบุหรี่  จริงๆแล้วคนที่สูบ บุหรี่เป็นประจำจะมีถึง 3 ใน 4 ที่มีอาการไอ ถ้าไอมีเสมหะ ทุกวันเป็นปีๆ ก็น่าจะเป็น จากหลอดลมอักเสบเรื้อรัง การหยุดบุหรี่ และสูดยารักษาเฉพาะจะช่วยบรรเทาอาการ ได้ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ที่เคยไอเรื้อรังอยู่เดิม หาก อาการไอที่เคยเป็นอยู่มีลักษณะเปลี่ยนไป จากเดิมเช่น ปริมาณเสมหะมากขึ้น สีเสมหะเปลี่ยนไป หรือไอถี่ขึ้น มักเป็น สัญญาณเตือนว่ามีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน มีการติด เชื้อของหลอดลม หรือมะเร็งปอดเป็นต้น
  7. วัณโรคปอด เป็นโรคที่พบบ่อยมากครับ สำหรับบ้านเรา บ่อยครั้งที่คนมักเข้าใจว่า เป็นวัณโรคต้องผอมแห้งแรงน้อย ต้องมี คนใกล้ตัวเป็นวัณโรค แต่จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นเลยครับสำหรับบ้านเรา เพราะ คนไทยเป็นวัณโรคกันมาก เราอาจสูด เอาเชื้อจากผู้ป่วยที่เราไม่รู้จักโดยบังเอิญ เมื่อไรเราก็ไม่รู้ แล้วต่อมาร่วมปีหรือ หลายๆปีค่อยปรากฏอาการขึ้นมา การ วินิจฉัยส่วนใหญ่ไม่ยากครับ เพราะ เอ็กซเรย์ปอดสามารถเห็นรอยโรคได้ดี

การดูแลรักษาตนเองเพื่อบรรเทาอาการ
เนื่องจากการไอเป็นกลไกปกป้องตัวเองของร่างกายทำให้ทางเดินหายใจที่มีมูกคั่งอยู่โล่งขึ้น เป้าหมายของการดูแลรักษาตนเองเพื่อบรรเทาอาการก็คือทำให้รู้สึกอิ่มสบายขึ้น ในขณะที่ช่วยการขจัดมูกด้วย

ควรปรึกษาแพทย์เมื่อ

  • มีไข้ 38.9 C ขึ้นไป
  • เสมหะปนเลือดมีสีน้ำตาล หรือเขียว
  • มีอาการหอบหืด
  • หายใจลำบาก
  • เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง
  • ไอติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์

 รายการอ้างอิง :

การดูแลรักษาตนเองเมื่อเกิดอาการไอ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.nmd.go.th/preventmed/self/cough.html. (วันที่ค้นข้อมูล 30 ตุลาคม 2555).

สิทธิ์เทพ ธนกิจจารุ. ไอเรื้อรัง..อาการที่ไม่อาจละเลย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.vichaiyut.co.th/html/jul/35-2549/p29-31_35.asp. (วันที่ค้นข้อมูล 30 ตุลาคม 2555).

Anonymous. เจ็บคอ คันคอ ไอแห้งๆ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.doctor.or.th/ask/detail/2904. (วันที่ค้นข้อมูล 30 ตุลาคม 2555).

 – ( 349 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*


seven − = 2

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>