magnify
magnify

Open Knowledge for all 

Home S&T Stories “ปลากัดไทย” หายใจยังไงระหว่างสู้กัน
formats

“ปลากัดไทย” หายใจยังไงระหว่างสู้กัน

นักวิทยาศาสตร์ต่างประเทศสงสัยพฤติกรรมก้าวร้าวของปลากัดไทยว่า ระหว่างต่อสู้ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาลนั้น พวกมันนำออกซิเจนจากไหนมาใช้ และพวกเขาก็พบว่าปลาสายพันธุ์ดุนี้สามารถฮุบอากาศเหนือผิวน้ำระหว่างต่อสู้ จึงมีแรงในการกัดกันได้ต่อเนื่อง

ปลากัดที่นำมาศึกษาคือ ปลากัดป่าภาคกลางที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “เบตตาสเปลนเดนส์” (Betta splendens) ซึ่งเป็นที่มีการแสดงลักษณะของความก้าวร้าวที่พร้อมจู่โจมคู่ต่อสู้ และยังสามารถดึงออกซิเจนมาใช้ได้ทั้งจากในอากาศและในน้ำ โดยเฉพาะปลาตัวผู้ของสายพันธุ์นี้ อีกทั้ง นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบว่า ปลากัดชนิดนี้ควบคุมความสามารถดังกล่าว เพื่อจัดการพลังงานระหว่างต่อสู้ในระยะเวลาสั้นๆ ได้อย่างไร และพวกเขาก็พบว่าปลากัดตัวผู้จะขึ้นไปที่ผิวน้ำในการต่อสู้เพื่อช่วยในการดูดซึมออกซิเจน

ดร.สตีเฟน พอร์ทูกัล นักวิทยาศาสตร์จากราชวิทยาลัยสัตวแพทย์ (Royal Veterinary College) อังกฤษ กล่าวว่า “ดูเหมือนเหงือกเล็กๆ ที่ช่วยในการใช้ชีวิตในแหล่งน้ำออกซิเจนต่ำนั้น จะทำงานไม่ทันการต่อสู้อันเข้มข้น และมีความต้องการอากาศหายใจมากขึ้น”

และจากการที่ดร.พอร์ทูกัลได้ศึกษาเรื่องดังกล่าวร่วมกับคณะทำงานจากมหาวิทยาลัยควีนแลนด์ (University of Queensland) ออสเตรเลีย และตีพิมพ์งานวิจัยลงวารสารคอมพาราทีฟไบโอโลจีแอนด์ฟิสิโอโลจีพาร์ทเอ (Comparative Biology and Physiology Part A)

สำหรับปลากัดป่าภาคกลางนี้พบได้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในแหล่งน้ำที่มีออกซิเจนต่ำหรือในนาข้าว โดยปลากัดที่พวกเขานำมาศึกษานั้นอยู่ในกลุ่ม อนาบันโตได (Anabantodei) ซึ่งมีความสามารถพิเศษที่สามารถดึงออกซิเจนจากอากาศและน้ำโดยใช้อวัยวะพิเศษผ่านเหงือกและผิวหนังได้ ซึ่งตัวผู้ของสปีชีส์นี้จะมีสีสันฉูดฉาดและก้าวร้าวมากเมื่อเผชิญหน้ากับเพศเดียวกัน โดยเชิงประวัติศาสตร์คนท้องถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมดังกล่าวของปลาและจับมาสู้กันในถังน้ำที่ใช้เพื่อการประลองคล้ายกับกรณีชนไก่

จากการทดลองในห้องปฏิบัติการ นักวิจัยได้จับปลากัดตัวผู้ 2 ตัวมาเจอกันในถังน้ำเพื่อให้พวกมันแสดงพฤติกรรมการต่อสู้ แต่ปลาทั้งสองถูกแยกอยูในขวดที่สามารถมองเห็นกันผ่านกระจกแก้ว ซึ่งพวกเขารายงานว่าปลากัดเริ่มแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวทันทีเมื่อถูกนำมาเจอกัน นักวิจัยวิเคราะห์ก๊าซที่อยู่ภายในถังน้ำทั้งก่อนและหลังการต่อสู้ เพื่อทำความเข้าใจว่าปลากัดใช้พลังงานไปเท่าไรระหว่างกัดกัน และพวกมันได้รับออกซิเจนจากไหน ซึ่ง ดร.พอร์ทูกัลกล่าวว่า ในช่วงการต่อสู้นั้นดูเหมือนปลากัดจะอาจได้รับออกซิเจนจากน้ำอย่างเพียงพอ พวกมันจึงขึ้นสู่ผิวน้ำบ่อยขึ้นเพื่อหายใจเอาออกซิเจนจากอากาศให้มากขึ้น หรืออีกแง่หนึ่งพวกมันขึ้นไปหายใจนั่นเอง แต่ปลากัดก็ไม่ได้พักอยู่ที่ผิวน้ำ โดยทีมวิจัยสังเกตว่าปลากัดตัวผู้ทั้งสองจะขึ้นสู่ผิวน้ำในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้น พวกมันจึงต่อสู้กันต่อไปได้ ซึ่งการหายใจเป็นจังหวะเดียวกันของปลานี้เป็นกลไกป้องกันในการกันผู้ล่า เพราะการขึ้นผิวน้ำเพียงลำพังเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อ การหายใจเป็นจังหวะสอดคล้องกันจึงลดการถูกจู่โจมโดยลำพังได้

ดร.พอร์ทูกัลกล่าวว่า การกัดกันของปลากัดนั้นเป็นพฤติกรรมที่ค่อนข้างเป็น “สุภาพบุรุษ” เพราะหากคู่ต่อสู้ต้องการอากาศหายใจก่อน ซึ่งเป็นเรื่องช่วยไม่ได้หากเราคิดจะใช้โอกาสนี้จู่โจม เพราะคู่กัดนั้นหมดแรงจนถึงขั้นต้องหายใจก่อน แล้วหันหลังขึ้นผิวน้ำเพื่อรับอากาศ จึงเป็นช่วงเวลาดีที่สุดที่จะเข้าจู่โจม แต่หากการจู่โจมระหว่างคู่ต่อสู้ขึ้นไปหายใจไม่สำเร็จ คู่ต่อสู้ก็จะกลับมาพร้อมออกซิเจนเต็มเปี่ยม และเราเองก็จะต้องขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อหายใจเช่นเดียวกัน ซึ่งมีโอกาสที่เราจะพลิกตกเป็นรองและถูกจู่โจมกลับ ดังนั้น จึงต้องหายใจพร้อมกันหรือไม่เช่นนั้นก็เลือกเสี่ยงที่จะถูกจู่โจมระหว่างขึ้นสู่ผิวน้ำและกลับมาต่อสู้

อย่างไรก็ดี ดร.พอร์ทูกัลบอกว่าเขาแปลกใจที่พบว่า ปลากัดตัวผู้นั้นสู้จนเกือบหมดลมระหว่างเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ และออกซิเจนเสริมเกือบทั้งหมดนั้ได้จากการเทียวขึ้นผิวน้ำบ่อยๆ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันจะหายใจไม่พอในแต่ละครั้ง ดังนั้น เขาให้ความเห็นว่าการกัดกันจึงต้องการออกซิเจนในปริมาณมาก

รายการอ้างอิง :

ASTVผู้จัดการออนไลน์.  ฝรั่งสงสัย “ปลากัดไทย” หายใจยังไงระหว่างสู้กัน?. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000146462. (วันที่ค้นข้อมูล 3 ธันวาคม 2555).

 – ( 292 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*


four + 9 =

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>