นายคริสโตเฟอร์ เมอร์เรย์ ผู้อำนวยการสถาบันการประเมินและชี้วัดด้านสาธารณสุข มหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐฯ เผยผลวิจัยค่าเฉลี่ยอายุขัยและการเสียชีวิตของประชากรโลก เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2555 โดยอ้างอิงผลงานของนักวิจัย 480 คน จาก 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องและนำมาเผยแพร่ในปี 2553 และการประเมินผลข้อมูลทั้งหมดพบว่าประชาชนทั่วโลกมีอายุขัยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อปี 2533 นอกจากนี้ สถิติประชากรเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ที่เสียชีวิตเพราะเจ็บป่วยและขาดสารอาหารทั่วโลกมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 20 ปี เป็นผลจากการรณรงค์เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายแรงในเด็ก ขณะที่ประชากรในวัยชรามีอายุยืนขึ้นจากความสำเร็จในการคิดค้นตัวยารักษาโรคที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น แต่ปัจจัยทั้งหมดไม่อาจป้องกันความพิการหรืออาการเจ็บป่วยจากโรคที่เกิดขึ้นใหม่ได้ ขณะที่ภาวะเจ็บป่วยทางจิตทำให้ประชากรโลกฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมา ที่มา : ผลวิจัยชี้คนอายุยืนขึ้น แต่ขี้โรคมากขึ้นทั่วโลก. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์. ฉบับวันที่ 14 ธันวาคม 2555.– ( 62 Views)
จีนครองแชมป์จดสิทธิบัตร แซงอเมริกาครั้งแรกในรอบ 100 ปี
องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (ดับเบิลยูไอพีโอ) เผยดัชนีทรัพย์สินทางปัญญาโลกประจำปี 2555 เมื่อ 11 ธันวาคม 2555 อ้างอิงการรวบรวมจำนวนสิทธิบัตรที่ได้รับการอนุมัติตลอดปี 2554 พบว่า จีนครองตำแหน่งประเทศที่มีการยื่นจดสิทธิบัตรมากที่สุดในโลก จำนวน 526,412 ราย ทำให้จีนขึ้นนำสหรัฐฯเป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปี ทำให้สหรัฐฯตกไปอยู่อันดับ 2 โดยมีผู้จดสิทธิบัตร 503,582 ราย ตามด้วยญี่ปุ่น 342,610 ราย ทั้งนี้ ทรัพย์สินทางปัญญาที่มีการขอจดสิทธิบัตรเพื่อรับการคุ้มครองมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 35 เปอร์เซ็นต์, การออกแบบอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ต่างๆ 16 เปอร์เซ็นต์ และเครื่องหมายการค้า 13 เปอร์เซ็นต์ ที่มา : จีนครองแชมป์จดสิทธิบัตร แซงมะกันครั้งแรกในรอบ 100 ปี. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์. ฉบับวันที่ 13 ธันวาคม 2555.– ( 78 Views)
ออกกำลังทุกวัน ให้คุณประโยชน์ทั้งร่างกายและจิตใจ
มหาวิทยาลัยโอทาโกของนิวซีแลนด์ศึกษาค้นคว้าพบว่า การออกกำลังเป็นประจำ นอกจากทำให้ร่างกายคล่องแคล่วปราดเปรียวแล้ว ยังทำให้สติปัญญาแจ่มใสอีกด้วย ในการนี้นักวิจัยมุ่งศึกษา เพื่อพิสูจน์คำกล่าวที่ว่า “จิตใจที่ดีอยู่ในร่างกายที่ดี” จากกลุ่มผู้สูงอายุ พบความจริงว่า คนที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์มากกว่า จะทำคะแนนการทดสอบทางสติปัญญาได้ดีกว่าคนที่ขี้โรค และยังพบว่า ผู้ที่ถูกสั่งให้ออกกำลังแบบแอโรบิก ยังทำคะแนนได้ดีกว่าเพื่อนที่ออกกำลังแบบพื้นๆ สำหรับนักวิจัยมหาวิทยาลัยโรแฮมป์ตันศึกษาพบว่า ผู้ที่ออกกำลังด้วยการขึ้นบันได 5 ชั้น เป็นความสูง 15 เมตร สัปดาห์ละ 5 หน หากก้าวขึ้นทีละชั้นจะเผาผลาญแคลอรีเฉลี่ยถึง 302 แคลอรี แต่หากก้าวขึ้นทีละ 2 ขั้น จะเผาผลาญไปได้ 260 แคลอรีเท่านั้น. แหล่งที่มา : หมั่นออกกำลังอยู่เป็นประจำทุกวัน ให้คุณประโยชน์ทั้งร่างกายและจิตใจ. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 19 ธันวาคม 2555.– ( 61 Views)
นักวิจัยไทยสร้างเครื่องอ่าน “อักษรเบรลล์” จากจอคอมพิวเตอร์สำเร็จ
สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) พร้อมคณะนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และคณะอาจารย์นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สุรนารี เปิดเผย ผลการผลิตและพัฒนาชุดแสดงผลอักษรเบรลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา ในการใช้อ่านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยเมื่อปี 2552 ว่า ทีมงานวิจัยประสบความสำเร็จในการผลิตชุดแสดงผลอักษรเบรลล์จิ๋ว ขนาด 1 เซลล์ เล็กกว่าเหรียญบาท แต่มีข้อจำกัดในการใช้งาน จึงวิจัยพัฒนาชุดอักษรเบรลล์ ขนาด 3 เซลล์ ด้วยแสงซินโครตรอนขึ้นเป็นครั้งแรก และมีเพียงแห่งเดียวของโลก ขณะนี้ ทีมงานวิจัยอยู่ระหว่างดำเนินการจดสิทธิบัตรชุดแสดงอักษรเบรลล์ ด้วยแสงซินโครตรอน ควบคู่ไปกับ การพัฒนาต่อยอดให้ได้ชุดแสดงผลอักษรเบรลล์ 10 เซลล์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในกลางปีหน้า ทั้งนี้หากได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ทีมงานวิจัยจะพัฒนาให้ชุดแสดงผลอักษรเบรลล์ สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์สื่อสารสมัยใหม่ ทั้งคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Tablet) และโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ต่อไป แหล่งที่มา : ครั้งแรกของโลก! นักวิจัยไทยสร้างเครื่องอ่าน “อักษรเบรลล์” จากจอคอมพิวเตอร์สำเร็จ. จาก www.springnewstv.tv วันที่ 17 ธันวาคม
ขุดพบศิลาจารึก ที่จังหวัดศรีษะเกษ คาดว่าอายุกว่า 1,000 ปี
ชาวตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ขุดพบศิลาจารึก และเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าศิลาจารึกอยู่ในช่วงอารยธรรมขอม ซึ่งตัวอักษรที่ปรากฏเป็นอักษรเขมร และขอมโบราณ ช่วงอารยธรรมร่วมสมัยปราสาทพนมรุ้ง คาดว่าอยู่ในศตวรรษที่ 16 หรือปี 1527 อายุกว่า 1,000 ปี องค์การบริหารส่วนตำบลคอนกามเตรียมจะสร้างสถานที่จัดเก็บ และอาจเปิดให้ประชาชน และนักศึกษาที่สนใจเข้าชมในอนาคต ข้อมูลจาก ” ชาวศรีสะเกษขุดพบศิลาจารึก คาดอายุกว่า 1,000 ปี” . Thai PBS News วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555– ( 181 Views)
พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาแห่งแรกของไทย เปิดให้บริการแล้ว
กรมทรัพยากรธรณี ได้ดำริจัดสร้าง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี เนื่องในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ขึ้นในปี พ.ศ.2543 ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางด้านธรณีวิทยา ทรัพยากรธรณีและซากดึกดำบรรพ์แห่งแรกของไทยที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จและให้บริการเปิดทดลองระบบนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2554 เป็นต้นมา ซึ่งจะประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ต.ค.2555 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ เป็นองค์ประธานในพิธี – ( 106 Views)
นาโนเทคใช้เปลือกไข่เร่งทำไบโอดีเซล
ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ทุ่มเทศึกษาตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับผลิตไบโอดีเซล หนึ่งในวัสดุที่สนใจศึกษาเพื่อพัฒนาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับผลิตไบโอดีเซล หนึ่งในวัสดุที่สนใจศึกษาเพื่อพัฒนาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาคือ เปลือกไข่ ซึ่งมีความเป็นด่างสอดคล้องกับคุณสมบัติเบื้องต้นของตัวเร่งปฏิกิริยา เปรียบเทียบระหว่างของเหลวที่ใช้อยู่โดยทั่วไป เช่น โซดาไฟ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ผลที่ได้พบว่า เปลือกไข่ทำให้กระบวนการผลิตไบโอดีเซลมีขั้นตอนการผลิตที่สั้นลง เดิมการผลิตไบโอดีเซลจะนำน้ำมันพืชมาหมักร่วมกับเมทานอลและตัวเร่งปฏิกิริยาในถัง แล้วแยกเอากลีเซอรีนออก พร้อมทำการระเหยเมทานอล กลับมาใช้ใหม่ ต้องผ่านกระบวนการล้างน้ำ ซึ่งการใช้เปลือกไข่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ทำให้ได้กลีเซอรีนและไบโอดีเซลที่มีความบริสุทธิ์สูง จนไม่ต้องผ่านกระบวนการล้างน้ำ แผนวิจัยต่อจากนี้ ทีมวิจัยมีแผนจะขยายขนาดกำลังผลิตไบโอดีเซลเป็น 50 ลิตร และเพิ่มกำลังผลิตตัวเร่งปฏิกิริยาจากเปลือกไข่จากเดิมที่ผลิตได้ครั้งละ 1 กิโลกรัม เป็น 10 กิโลกรัม รวมถึงศึกษาระยะเวลาการผลิตเพื่อพัฒนาให้ใช้เวลาที่สั้นลง ขณะนี้งานวิจัยดังกล่าวพร้อมส่งต่อ โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นอุตสาหกรรมผลิตไบโอดีเซลต่อไป ที่มา : นาโนเทคใช้เปลือกไข่เร่งทำไบโอดีเซล หนังสืิอพิมพ์บ้านเมือง. ฉบับวันที่ 25 ตุลาคม 2555.– ( 389 Views)
กินผลเชอรี่ ช่วยสกัดโรคเกาต์
วารสารวิชาการ “โรคข้ออักเสบและข้อบวม” แจ้งว่า กินผลเชอร์รี่ ช่วยสกัดโรคเกาต์ที่ทำให้ปวดบวมตามข้อ จากการมีกรดยูริกมากได้ เมื่อกินติดกัน 2 วัน ถ้าเทียบกับคนที่ไม่ได้กิน ป้องกันได้ถึงร้อยละ 35 โรคเกาต์เป็นโรคสามัญโรคหนึ่ง ทำให้ปวดบวมตามข้อมาก ใน 100 คน จะต้องมีผู้ป่วยสักรายหนึ่ง เป็นกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 2-3 เท่า นักวิจัยมหาวิทยาลัยบอสตันของสหรัฐฯได้ศึกษากับคนไข้ 633 คน อายุเฉลี่ย 54 ปี และได้ติดตามทางออนไลน์อยู่ 1 ปี ทดลองให้คนไข้บางส่วนกินลูกเชอร์รี่ 10-12 ลูก หรือน้ำสกัดเชอร์รี่ดู ผลการศึกษาสรุปได้ว่า คนไข้ที่กินลูกเชอร์รี่ โอกาสที่จะเกิด จะลดน้อยลงไปร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้กิน แต่จะเห็นผลก็ต่อเมื่อได้กินวันละ 3 หน เป็นเวลาติดกัน 2 วัน ยิ่งกิน เชอร์รี่รวมทั้งกินยากันไว้ด้วย จะป้องกันไม่ให้เป็นขึ้นมาได้มากถึงร้อยละ 75 แหล่งที่มา : กินลูกเชอร์รี่ตีโรคเกาต์เพลาลงทันตา ยิ่งกินกับยาจะป้องกันได้เกือบหมด. หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์
คนกินเจอายุยืนกว่าคนที่กินเนื้อสัตว์
จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยโลมา ลินดา ที่แคลิฟอร์เนีย โดย นักวิจัยพบว่า ในการศึกษาและติดตามคริสตศาสนิกชน นิกายเซเวนเดย์ แอตเวนติสต์ จำนวนหมื่นว่าคน ผู้ที่กินแต่ผักและผลไม้เป็นอาหารจะมีอายุยืนยาวกว่าผู้ที่กินเนื้อสัตว์ ผู้ชายจะมีอายุยืนเฉลี่ยกันคนละ 83.3 ปี ส่วนสตรีจะยิ่งอายุยืนกว่าถึง 85.7 ปี ทั้งนี้ หัวหน้าของนักวิจัยยังได้แจ้งว่า ผู้ที่กินเจจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าคนที่กินเนื้อสัตว์ด้วยเฉลี่ย 13 กก. นอกจากนั้นยังมีอาการดื้อต่ออินซูลินน้อยกว่า ควบคุมตัวเองได้ดีกว่า จะออกกำลังเป็นประจำ และไม่สูบบุหรี่เลย. แหล่งที่มา : “คนกินเจอายุยืนกว่าผู้ที่กินเนื้อสัตว์ทั้งรูปร่างก็สะโอดสะองมากกว่ากัน” . หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ 22 ตุลาคม 2555.– ( 106 Views)
ข้อควรระวังสำหรับกลุ่มคนที่ไม่ควรบริโภค “เจ”
อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ อุปนายกสมาคมนักโภชนาการแห่งประเทศไทย ให้ข้อสังเกตุและข้อควรระวังในการบริโภคอาหารเจ ไว้ว่า เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี เป็นวัยที่ไม่เหมาะสมต่อการกินเจ เนื่องจากเด็กวัยนี้อยู่ในช่วงของการเจริญเติบโต สมอง และร่างกายต้องการสารอาหารอย่างครบถ้วน เพราะเด็กๆ ไม่สามารถปรับตัวได้เหมือนกับผู้ใหญ่ หรือถ้าจะให้กิน ต้องไม่เคร่งครัด ควรมีนม และไข่ เสริมเข้าไปด้วยส่วนเด็กอายุ 14 ปี ขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุสามารถกินได้ตามปกติ แต่สำหรับผู้สูงอายุควรเน้นอาหารเจที่ย่อยง่าย กรณีผู้ป่วย หรือผู้ที่กำลังพักฟื้นร่างกาย ไม่แนะนำให้ทานเจ เนื่องจากร่างกายอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม แต่ถ้าอยู่ในความดูแลของนักโภชนาการ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนก็สามารถทานได้ เช่นเดียวกับหญิงตั้งครรภ์ ก็ไม่ควรทานเจเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งคุณแม่ และเด็กในครรภ์ ต้องการสารอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อบำรุงเด็กในครรภ์ให้แข็งแรง ส่วนข้อควรระวัง และความปลอดภัยในการกินอาหารเจ ควรกินอย่างมึความรู้ด้านโภชนาการ ซึ่ง อาจารย์สง่า แนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทผัด และทอด ทุกชนิด เพราะใช้น้ำมันเยอะ ส่วนอาหารที่ผ่านการต้มซ้ำๆ เพราะจะทำให้มีรสชาติเค็มเท่านั้น ซึ่งถ้ากินเค็มมากเกินไป จะทำให้ความดันโลหิตสูง ทั้งนี้การกินอาหารเจในเมนูซ้ำๆ จะทำให้ขาดสารอาหารได้ เช่นกินผักมากเกินไปก็จะก็ทำให้ท้องอืดได้ ถ้ากินอาหารที่เป็นอาหารดัดแปลงเพื่อให้คล้ายเนื้อสัตว์ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันอาหารประเภทนี้จะผลิตด้วยแป้งมากกว่าจากธัญญพืช