Google Glass แว่นตาอัจฉริยะ เริ่มใช้จริงแล้ว โดยสายการบิน“เวอร์จิ้น แอตแลนติก”ประเดิมใช้แว่นตาอัจฉริยะ “กูเกิล กลาส”เริ่มทดลองที่สนามบินฮีโธรว์กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในช่วงทดลองเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ ทั้งนี้ แว่นตาดังกล่าวสามารถทำให้พนักงานสนามบินพิสูจน์ตัวตนของผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงสนามบิน โดยข้อมูลที่ปรากฏบนแว่นตา จะทำให้พนักงานสามารถอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินล่าสุดให้แก่ผู้โดยสาร รวมทั้งบอกสภาพอากาศ และเหตุการณ์ หรือเทศกาลต่างๆ เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางของผู้โดยสารได้ โดยเมื่อแว่นตาได้เริ่มกระบวนการพิสูจน์ตัวตน กูเกิล กลาส จะสามารถเริ่มกระบวนการเช็กอินผู้โดยสารได้อัตโนมัติ และให้บริการนักท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งการแปลภาษาตามสัญชาติผู้โดยสาร เกี่ยวกับข้อมูลการเดินทางได้ อย่างไรก็ตาม ทางกลับกัน ผู้โดยสารที่ใช้แว่นตาอัจฉริยะนี้ สามารถมองเห็นแผนที่เดินทางเสมือนจริงของสนามบิน รวมทั้งห้องน้ำสนามบิน รวมทั้งยังสามารถประเมินราคาค่าโดยสารแท็กซี่ เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินที่หมายปลายทาง จากการแสดงข้อมูลของ “กูเกิล กลาส” ผ่านจอเลนส์แว่นตา แหล่งที่มา : “เวอร์จิ้น แอตแลนติก”ประเดิมใช้แว่น“กูเกิล กลาส”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=22509&t=news. (วันที่ค้นข้อมูล 13 กุมภาพันธ์ 2557).– ( 14 Views)
พลังวิทย์ คิดเพื่อคนไทย ตอน จุลินทรีย์ขจัดคราบน้ำมัน
การรั่วไหลของน้ำมันดิบในท้องทะเลเป็นสิ่งที่ก่อความเสียให้กับสิ่งมีชีวิตและสภาพแวดล้อมทั้งในท้องทะเลและชายฝั่ง มีวิธีการแก้ไขคือการใช้สารเคมีเพื่อขจัดคราบน้ำมันเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไป แต่สารเคมีที่ใช้ก็อาจเกิดการตกค้างและถูกทิ้งไว้ให้เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศน์ได้ วิธีการที่ปลอดภัยกว่าคือการใช้จุลินทรีย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติมาใช้ในการย่อยสลายคราบน้ำมัน นักวิจัยจาก สวทช. ได้ค้นพบจุลินทรีย์ของไทยที่สามารถย่อยสลายคราบน้ำมันให้หมดไปได้ โดยจุลินทรีย์จะกินคราบน้ำมันเข้าไปแล้วปล่อยออกมาเป็นน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อได้นำจุลินทรีย์ตัวนี้ไปทดลองในพื้นที่ที่มีการเกิดน้ำมันรั่วจริง พบว่าสามารถสลายคราบน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม จุลินทรีย์ขจัดคราบน้ำมันเป็นส่วนหนึ่งของงานอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย โดยนักวิจัยจากไบโอเทค และได้ทำการถ่ายทอดให้กับบริษัทเอกชนนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ขจัดคราบน้ำมันที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ติดตามรายการ พลังวิทย์ คิดเพื่อคนไทย ย้อนหลังได้ที่ http://nstdachannel.tv/– ( 17 Views)
รู้จักกับ “ฝนเยือกแข็ง” (Freezing Rain)
หากอากาศเหนือพื้นดินหนาวเย็นต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส แต่เป็นช่วงแคบๆ ก็จะทำให้เม็ดฝน (ของเหลว) ที่ตกลงมาโดนแช่เย็นจนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส แต่ไม่กลายเป็นน้ำแข็ง ลักษณะเช่นนี้เป็นสภาวะที่ไม่สมดุลของน้ำที่เรียกว่า “ของเหลวเย็นยิ่งยวด (supercooled liquid)” แต่เมื่อใดก็ตามที่หยดน้ำเย็นยิ่งยวดนี้สัมผัสกับผิวของแข็ง มันจะกลายเป็นน้ำแข็งทันที Freezing rain เป็นฝนซึ่งตกลงมาในรูปของเหลว แต่จะเกิดการแข็งตัวเมื่อกระทบพื้นดิน โดยฝนในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้เมื่ออากาศเย็นเจอกับอากาศที่ร้อน จนกลายเป็นหยดน้ำที่มีความเย็นแต่ไม่กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งเมื่อมันตกลงมาในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นและไปสัมผัสกับผิวของแข็งมันก็จะเกาะตัวกลายเป็นน้ำแข็งทันที อย่างเช่น ฝนที่ตกลงมาบนใบไม้ก็จะกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆ เคลือบผิวใบไม้ไว้ หรือ ฝนที่ตกลงมายังพื้นถนน หรือ รันเวย์เครื่องบิน ก็จะภูกแผ่นน้ำแข็งเคลือบไว้ หากมีความหนามากก็จะยิ่งทวีความลื่นและอาจจะก่อให้เกินอันตรายได้ แหล่งที่มา : บัญชา ธนบุญสมบัติ. “ฝนเยือกแข็ง (freezing rain)”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : http://www.gotoknow.org/posts/235153. (วันที่ค้นข้อมูล 12 กุมภาพันธ์ 2557). Nikki Rawipan. “ภาพ Freezing rain จาก Iowa city รัฐไอโอวา
ปลอกแขนมองข้างสำหรับนักปั่นจักรยาน
ในยุคนี้ที่กระแสการรับสุขภาพและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาพร้อมๆ กัน จึงเกิดเหล่าบรรดาเดอะแก๊งค์ “จักรยาน” ขึ้นมากันอย่างมากมาย จุดประสงค์ของการร่วมวง “ปั่น” นี้ก็เพื่อที่จะให้ร่างกายนั้นแข็งแรงเพราะการปั่นจักรยานนั้นถือเป็นการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี และนอกเหนือจากการออกกำลังกายแล้วการได้มาพบปะกันยิ่งทำให้มีการแลกเปลี่ยประสบการณ์การ “ปั่น” ไปในดินแดนต่างๆ กันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับเป็นการเที่ยวชมเมืองในแบบอนุรักษ์ธรรมชาติไปด้วย เนื่องจากการปั่นจักรยานไปในสถานที่ต่างๆ นั้น ไม่ก่อให้เกิดมลพิษแต่อย่างใด การปั่นจักรยานในปัจจุบันนั้นขยายวงกว้างมากขึ้น จากแต่เดิมนั้นมักจะปั่นจักรยานกันเป็นกิจกรรมยามว่างเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนี้มีการใช้จักรยานเป็นพาหนะประจำวันในการเดินทางไปทำงานกันมากขึ้น และถนนหนทางของบ้านเมืองเรานี้ก็ยังไม่ค่อยจะปลอดภัยเท่าไหร่นัก นั่นหมายถึงความเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้จักรยานก็เป็นได้ เนื่องจาก “จักรยาน” ไม่มีกระจกมองหลังเหมือนกันยานพาหนะทั่วๆ ไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้จึงทำให้นักประดิษฐ์เกิดไอเดียสร้างสรรค์ประดิษฐ์คิดค้น อุปกรณ์เสริมขึ้นมาในรูปแบบปลอกแขนกระจกมองหลังสำหรับคนขี่จักรยานในชื่อว่า “แรวิซ (Rearviz)” แรวิซ เป็นปลอกแขนแบบพิเศษที่มีแผ่นกระจกทรงนูนติดไว้บนตัวอุปกรณ์ โดยเลนส์ดังกล่าวนี้จะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถมองเห็นในมุมกว้างทำให้เห็นรถที่ขับตามมาข้างหลัง โดยที่ไม่ต้องเสียสมาธิในการเหลียวกลับไปดูซึ่งหากเหลียวกลับไปดูรถด้านหลังอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ขี่จักรยานก็เป็นได้ วัสดุที่ใช้ในการทำปลอกแขนมองหลังนี้เป็นวัสดุชนิดที่กั้นน้ำได้ด้วย รับรองได้ว่าขี่ไปแล้วเกิดมีเหงื่อออกก็จะไม่เลื่อนหลุดไปไหนและที่สำคัญก็จะไม่พังง่ายๆ ด้วย อุปกรณ์เสริมชนิดนี้ต้องอดใจรอกันอีกนิดเพราะตอนนี้ทีมผู้ผลิตยังไม่ได้ผลิตออกมาเพื่อวางจำหน่าย แต่หากมีวางจำหน่ายแล้วคิดว่าน่าจะช่วยให้ผู้ใช้จักรยานปลอดภัยขึ้นมาไม่มากก็น้อย แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกคนก็ต้องรักษา กฎ กติกา มารยาท ในการใช้รถใช้ถนน เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้ร่วมทาง แหล่งที่มา : “Rearviz”กระจกมองหลังสำหรับนักปั่น. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=19549&t=news. (วันที่ค้นข้อมูล 12 กุมภาพันธ์ 2557).
นักวิทย์ฯ เมืองผู้ดี “สร้างเครื่องซักผ้าไม่ใช้น้ำ”
“เครื่องซักผ้าไม่ใช้น้ำ แต่ใช้เม็ดพลาสติกในการทำความสะอาด” เป็นนวัตกรรมของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่ค้นพบนวัตกรรมนี้โดยบังเอิญจากการที่กลุ่มต้องการจะใช้การย้อมสีให้เส้นใยผ้าใช้ได้นานขึ้น แต่กลุ่มได้ค้นพบกระบวนการที่สามารถขจัดคราบและสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้าได้โดยไม่ต้องใช้น้ำ แต่ใช้เม็ดพลาสติกในการขจัดคราบสกปรกและกลิ่นของเสื้อผ้า โดยเมื่อทำการซักในเวลาที่กำหนด เม็ดพลาสติกดังกล่าวจะสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เนื่องจากเม็ดพลาสติกดังกล่าวทำจากโพลีเมอร์ สามารถใช้แทนผงซักฟอกได้ และสามารถใช้ได้หลายครั้งเหมือนกับการนำกลับมาใช้ใหม่ (รีไซเคิล) ก่อนที่เม็ดพลาสติกนี้จะหมดอายุการใช้งาน กลุ่มนักวิทย์ฯ กลุ่มนี้ได้พัฒนาเครื่องต้นแบบและตั้งบริษัท Xeros ขึ้นมา เครื่องซักผ้าไม่ใช้น้ำนี้มีวิธีการทำงานคือ จะใช้เม็ดพลาสติกขนาดจิ๋วหลายล้านเม็ดแช่กับน้ำ และใช้ร่วมกับผงซักฟอกชนิดพิเศษที่ผลิตขึ้น นำมาปั่นพร้อมกับเสื้อผ้าคราบสกปรกจะถูกดูดซึมเข้าไปยังศูนย์กลางของเม็ดพลาสติกโพลีเมอร์จำนวนหลายล้านเม็ดนี้ ภายใต้สภาพความชื้นเม็ดพลาสติกดังกล่าวจะเกิดการเปลี่ยนสภาพและสามารถดูดซึมคราบสกปรกและกลิ่นออกจากเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี การทำงานนี้จะใช้น้ำเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ของเครื่องซักผ้าปกติ และใช้ไฟฟ้าเพียงแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ จากรอบปั่นผ้าของเครื่องซักผ้าปกติ เครื่องซักผ้าชนิดนี้ได้ถูกผลิตแลนำไปใช้กับโรงแรมและร้านซักผ้าใหญ่ๆ เป็นที่เรียบเร้อยแล้ว และบริษัทเองก็วางแผนที่จะผลิตเครื่องซักผ้าในรูปแบบประจำบ้านในอนาคตข้างหน้า และหากมีการผลิตเครื่องซักผ้าดังกล่าวนี้สู่ครัวเรือนจริงๆ จะสามารถประหยัดน้ำให้กับโลกของเราได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว แหล่งที่มา : “เติมฝันแม่บ้านนักวิทย์ผุดเครื่องซักผ้าไม่ใช้น้ำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=21570&t=news. (วันที่ค้นข้อมูล 12 กุมภาพันธ์ 2557). – ( 200 Views)
บุกหลังบ้าน Instagram Office
Instagram แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพและแต่งภาพบนสมาร์ทโฟน ที่มาพร้อมกับลูกเล่นการแต่งภาพที่แต่งแต้มสีสันด้วย Filter ต่างๆ ที่ให้เราเลือกปรับได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแนวอาร์เน้นสีแรงๆ หรือจะเป็นแนววินเทจที่คงความเก่าแต่แฝงความเก๋าของภาพไว้ นอกจากจะถ่ายภาพและแต่งภาพได้สวยตามแนวความต้องการแล้ว instagram ยังสามารถแชร์รูปภาพสวยๆ อวดเพื่อนๆ ที่อยู่ในสังคมออนไลน์อื่นๆ ได้อีก เช่น Facebook, Tumblr, Twitter, Flickr และ Foursquare เป็นต้น Instagram เองก็เป็นสังคมออนไลน์อีกหนึ่งแหล่งในการแบ่งปันภาพถ่าย (Social Photo Sharing) เพราะ Instagram หรือ IG มีระบบ Followers และ Following ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตามชมความเคลื่อนไหว และ ภาพ ของเพื่อนๆ และหากถูกใจก็สามารถกด Like เพื่อให้กำลังได้ หรือจะ Comment ก็สามารถทำได้เช่นกัน ปัจจุบัน IG มีผู้ใช้ทั่วโลกราวๆ 100 ล้านคนและมียอดผู้ใช้งานต่อวันถึง 11 ล้านคน หลังจากที่ Facebook เข้าซื้อกิจการ
Outernet เครือข่าย Wi-Fi ฟรีจากอวกาศ
ทีมนักวิจัยของสหรัฐอเมริกาได้เปิดตัวโครงการ Outernet เครือข่าย Wi-Fi ที่ปล่อยสัญญาณจากนอกโลก ให้ทุกคนบนโลกสามารถใช้งานได้ฟรีไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการปล่อยดาวเทียมไปบนอวกาศเป็นจำนวนมากเพื่อรับสัญญาณจากสถานีบนโลก แล้วส่งกระจายไปยังทั่วทุกมุมโลกให้ทุกคนได้ใช้งาน หรือเปรียบเสมือน BitTorrent ที่ส่งข้อมูลมาจากอวกาศนั่นเอง สำหรับในช่วงเริ่มต้นนั้น Outernet จะมีเนื้อหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับคนทั่วไป เช่น อัพเดทข่าวสารต่างๆ รอบโลก, Wikipedia, สื่อบันเทิงต่างๆ, ข้อมูลด้านการศึกษา ฯลฯ สำหรับให้ผู้ที่เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตสามารถรับข้อมูลข่าวสารผ่านทาง Outernet แทนได้ และในอนาคตจะมีการพัฒนาให้สามารถปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ให้ทุกคนบนโลกสามารถใช้ได้ฟรีอีกด้วย โดยในขณะนี้ Outernet กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา และจะเปิดให้บริการจริงในช่วงเดือนมิ.ย.ปี 2015 ทั้งนี้ เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของ Outernet ก็คือ เพื่อให้ทุกคนบนโลกที่เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งจากสถิติปัจจุบันมีประชาการเพียง 60% เท่านั้นที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้เหมือนกับคนทั่วไป และปัจจุบันอุปกรณ์ที่สามารถใช้อินเทอร์เน็ต Wi-Fi ได้นั้นก็ค่อนข้างมีราคาถูกลงเรื่อยๆ แต่ในหลายๆ พื้นที่ยังคงมีปัญหาการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ รวมทั้งประชากรบางส่วนที่มีปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของบริการอินเทอร์เน็ต แต่ด้วย Outernet นี้ทุกคนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
พลังวิทย์ คิดเพื่อคนไทย โดย สวทช. (สัปดาห์ที่ 2)
ติดตามรับชมรายการ “พลังวิทย์ คิดเพื่อคนไทย โดย สวทช.” ประจำวันที่ 10, 12 และ 14 กุมภาพันธ์นี้ เวลาประมาณ 20.15 น. (หลังข่าวภาคค่ำ) ทางโมเดริ์น ไนน์ ทีวี (ช่อง 9 อสมท.) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 นำเสนอเรื่อง ดาวเทียมขนาดจิ๋ว สวทช. ได้มีโครงการให้เยาวชนได้พัฒนาดาวเทียมขนาดจิ๋วที่บรรจุลงในกระป๋องน้ำอัดลม ที่เรียกกันว่า CanSat โดยมีคุณสมบัติที่เสมือนดาวเทียมจริงๆ สามารถบันทึกข้อมูลจากที่สูง ส่งสัญญาณกลับมายังภาคพื้นดิน และสามารถควบคุมตัวเองได้ด้วยระบบอัตโนมัติ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 นำเสนอเรื่อง จุลินทรีย์ขจัดคราบน้ำมัน การใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมัน อาจจะเกิดการตกค้างและมีผลกระทบและเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศน์ได้ นักวิจัยไบโอเทคโดย สวทช. ได้คิดค้นวิธีการที่ปลอดภัยกว่า นั่นคือการใช้จุลินทรีย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติมาย่อยสลายคราบน้ำมัน วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 นำเสนอเรื่อง ปราบหนอนกระทู้หอมโดยไม่ใช้สารเคมีหนอนกระทู้หอมเป็นศัตรูพืชที่ทำลายพืชเศรษฐกิจของไทย ทางเลือกใหม่ของการกำจัดศัตรูพืชด้วย “ชีวินทรีย์กำจัดศัตรูพืช”
หุ่นยนต์ติดกล้องนำชมพิพิธภัณฑ์
หลังจากพิพิธภัณฑ์ปิดแล้ว หากคุณยังติดใจอยากที่จะชื่นชมผลงานศิลปะให้ชุ่มฉ่ำใจต่อจะทำยังไงดี Tate Britain พิพิธภัณฑ์ในอังกฤษตอบสนองความต้องการนี้ได้ด้วยการใช้หุ่นยนต์นำชมพิพิธภัณฑ์หลังหมดเวลาเปิดให้บริการ Tate Britain พิพิธภัณฑ์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จะเริ่มนำกองทัพหุ่นยนต์ติดกล้องเพื่อถ่ายทอดสดแบบ Live Stream ผ่านอินเตอร์เน็ต มาใช้ในพิพิธภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนที่อยากชมงานศิลปะในรูปแบบที่ตื่นตาตื่นใจ จากหุ่นยนต์ติดกล้องพาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืน โดยกล้องที่ติดอยู่ที่ตัวหุ่นยนต์นี้จะทำการถ่ายทอดสดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยคุณจะเห็นภาพในแบบเดียวกันกับที่หุ่นยนต์เห็น และยังสามารถบังคับหุ่นยนต์เหล่านี้ได้จากระยะไกล สามารถหยุดภาพเพื่อดูรายละเอียดของงานศิลป์ได้นานตามความสะดวก โปรเจกต์นี้มีชื่อว่า “After Dark” ที่มีจุดกำเนิดมาจากรางวัล IK Prize ที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดการแข่งขันขึ้นเพื่อให้คนเสนอแนวคิดและวิธีการชมงานศิลปะให้สนุกยิ่งขึ้นกว่าเดิม เจ้าของไอเดียนี้ก็คือทีม The Workers ซึ่งสามารถเอาชนะอีก 3 ไอเดียที่ส่งเข้ามาแข่งได้คือ การนำผลงานศิลปะมาเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ การมองศิลปะในพิพิธภัณฑ์ผ่านมุมมองของเด็กๆ การนำงานศิลปะยุคคลาสสิคของอังกฤษใส่ลงไปในเซิร์ฟเวอร์ของเกม Minecraft ทีม The Workers นอกจากได้รับรางวัลชนะเลิศไปแล้ว ยังได้เงินทุนสำหรับพัฒนาโปรเจกต์นี้ให้เป็นจริงขึ้นมา และคาดการณ์กันว่าโปรเจกต์นี้จะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ แหล่งที่มา : พิพิธภัณฑ์ผู้ดีใช้หุ่นยนต์ติดกล้องชมผลงานศิลปะ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=22260&t=news. (วันที่ค้นข้อมูล 10 กุมภาพันธ์ 2557).– (
ใส่ใจชีวิตด้วยคัมภีร์วิถีช้า
ในแต่ละวัน ในแต่ละสัปดาห์… ผ่านพ้นเดือนเคลื่อนเป็นปี ด้วยสภาพแวดล้อมเดิมๆ ที่เราต้องเร่งรีบเพื่อแข่งขันกับเวลา ทุกสิ่งอย่างมีแต่ความเร่งรีบจนสุขภาพแทบจะย่ำแย่ สุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ลองใช้ชีวิตในวิถี Slow Living หรือ Slow Life กันบ้างดีกว่าเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายสมอง พักผ่อนจิตใจ ทำจิตใจให้สงบวิธีการทำไม่ใช่เรื่องยาก ลองทำตามกันดู ตื่นเร็วขึ้น ฝึกหายใจช้าๆ : เพิ่มเวลาด้วยการตื่นเช้า จะทำให้มีเวลามีสติจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังทำมากยิ่งขึ้น หามุมสงบ : ปรับชีวิตให้ 1 วันปลอดจากกระแสสังคมต่างๆ หาที่สงบเงียบเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างแท้จริง หยุดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน : ผลดีอาจจะมีน้อยมากหากทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน นอกจากจะไม่ได้งานแล้วเชื่อหรือไม่ว่าจะยิ่งทำให้ตัวเรานั้นวุ่นวายขึ้นอีกด้วย ใช้เวลาพักกลางวันอย่างคุ้มค่า : เดินยืดเส้นยืดสายนอกพื้นที่ทำงานบ้าง ใช้สายตากวาดไปรอบๆ หรือมองหาสีเขียวๆ เพื่อพักสายตาบ้าง ออกกำลังกายแบบช้าๆ : เริ่มฝึกจากการเดินช้าๆ เล่นโยคะ เพราะการออกกำลังกายนั้นจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดมาตลอดสัปดาห์ได้เป็นอย่างดี เดินเพื่อสุขภาพ : นอกจากได้ออกกำลังกายแล้ว ยังได้รื่นรมย์และเสพอากาศและบรรยากาศรอบๆ ตัวอันแสนจะสดชื่นได้อีกด้วย แหล่งที่มา : ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : www.facebook.com/thaihealthcenter.