รู้จักมารยาทการใช้ชีวิตแบบนิปปอน มาถึงมารยาทข้อสุดท้ายแล้วนั่นคือมารยาทในสถานที่ทำงาน (ข้อนี้คนญี่ปุ่นอยากบอกต่อ) เวลายื่นและรับนามบัตรกับคนญี่ปุ่นหรือลูกค้า ควรยื่นและรับด้วย 2 มือ เมื่อรับมาแล้วควรอ่านหรือพูดชมสักเล็กน้อย เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและสนใจ เป็นการให้ความสำคัญกับลูกค้า เมื่อลูกค้าทำให้เราไม่พอใจไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม เราไม่ควรที่จะทำน้ำเสียงหรือสีหน้าที่ไม่ดี ถึงแม้ว่าเรานั้นอยากจะตอบโต้หรือต่อว่าลูกค้าแทบจะใจขาดก็ตาม ไม่ควรเลิกงานตรงเวลานัก เพราะจดูไม่ดีในสายตาของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่เค้ายังคงนั่งทำงานกันอยู่ ควรจะเลิกงานหลังเวลางานเลิกช้ากว่าปกติสักประมาณ 15-30 นาที และต้องกล่าวคำว่า お先に 失礼いたします。(Osakini shitsurei shimasu) แปลว่า “ขออนุญาตกลับก่อน ครับ/ค่ะ ทุกครั้งและกับทุกๆ คนด้วย ควรกล่าวคำทักทายกัน (あいさつ อ่านว่า Aisatsu แปลว่า การทักทาย) ซึ่งคำทักทายของญี่ปุ่นนั้นมีมากมายหลายโอกาส คนญี่ปุ่นบางคนจะรู้สึกไม่สบายใจถ้าไม่ได้กล่าวคำทักทาย ตัวอย่างคำทักายภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจำวัน おはよう ございます (ohayou gozaimasu) อ่านว่า โอะฮะโย โกะไซมัส หมายถึง อรุณสวัสดิ์ こんにちは (konnichiwa) อ่านว่า คนนิจิวะ หมายถึง สวัสดีครับ/ค่ะ ใช้ตอนกลางวัน こんばんは (konbanwa)
![formats](../../../../../wp-content/themes/ifeature/images/formats/default.png)
รู้จักมารยาทการใช้ชีวิตแบบนิปปอน : มารยาทในสถานที่สาธารณะ
การใช้ชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีในญี่ปุ่น นอกจากจะรู้จักกับ มารยาทการขึ้นรถไฟ มารยาทการขึ้นรถเมล์ และ มารยาทการกินอาหารในญี่ปุ่น แล้ว การใช้ชีวิตปกติแบบเดินเล่นชมวิว ชิว ในสถานที่สาธารณะในประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ยังมี “มารยาท” ที่ควรปฏิบัติด้วย ดังนี้ การข้ามทางม้าลาย ต้องรอสัญญาณไฟสำหรับคนข้ามแม้ว่าถนนในตอนไฟแดงมันจะแสนว่างก็ตามที แต่ถ้าไฟยังไม่เขียวห้ามก้าวขาออกไปโดยเด็ดขาด การใช้อ่างล้างหน้าและกระจกในห้องน้ำ เมื่อคุณสาวๆ ล้างหน้าแต่งเติมเสริมแป้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้สำรวจให้ดีว่ากระจกมีรอยน้ำกระเด็นหรือไม่ มีคราบแป้งลอยไปติดหรือเปล่า รวมถึงเศษผมต้องเก็บให้เรียบร้อย เหตุที่จะต้องมีมารยาทการใช้อ่างล้างหน้าในห้องน้ำสาธารณะขนาดนี้ก็เพราะว่า “คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีนิสัยขี้เกรงใจ คนญี่ปุ่นถึงให้ความใส่ใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก” การใช้บริการแช่น้ำร้อน (ออนเซ็น) ก่อนที่เราจะไปใช้บริการแช่น้ำในบ่อน้ำร้อน ตามธรรเนียมของคนญี่ปุ่นแล้วนั้นเราจะต้องอาบน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกายก่อน และสิ่งที่ควรปฏิบัติในขณะอาบน้ำคือนั่งเก้าอี้ที่บ่อน้ำร้อนมีให้บริการให้เรียบร้อยไม่ควรยืนประเจิดประเจ้อ (ในกรณีที่ใช้บริการห้องอาบน้ำแบบรวม แยกโซนชาย หญิง) การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ เราจะไม่สามารถเดินสูบบุหรี่ตามท้องถนนได้โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ เช่น โตเกียว โกเบ และ นาโกย่า หากคุณเผลอจุดตัวก่อมะเร็งขึ้นมาคุณอาจจะต้องโดนปรับในทันทีอัตราค่าปรับขึ้นอยู่กับแต่ละเขตพื้นที่มากน้อยไม่เท่ากับ แต่หากว่าคุณติดบุหรี่จนขาดไม่ได้และต้องการสูบบุหรี่ ให้หาบริเวณที่มีป้ายติดชัดเจนว่าเป็นโซนสำหรับสูบบุหรี่เท่านั้น การใช้ทางเท้า เราไม่ควรจะเดินเกะกาะหรือเดินเรียงหน้ากระดาน ควรจะเดินเป็นแถวตอนและควรเว้นทางเดินให้ผู้อื่นได้เดินบ้าง ห้ามปัสสาวะตามสถานที่สาธารณะ ห้ามเด็ดขาดข้อนี้หากเผลอไปทำโดนจับทันทีเพราะ “ผิดกฎหมาย” ยังไม่หมดกับมารยาทการใช้ชีวิตในญี่ปุ่น นอกจาก มารยาทการใช้รถไฟ และ มารยาทการใช้รถเมล์ มารยาทการรับประทานอาหารในญี่ปุ่น
![formats](../../../../../wp-content/themes/ifeature/images/formats/default.png)
รู้จักมารยาทการใช้ชีวิตแบบนิปปอน : มารยาทการกินในร้านอาหารญี่ปุ่น
เมื่อเราได้ทำความเข้าใจมารยาทการใช้บริการรถไฟ และ การใช้บริการรถเมล์ แล้ว…ตอนนี้เรามาทำความเข้าใจกับมารยาทการกินอาหารในร้านญี่ปุ่นกันดีกว่าว่าคนญี่ปุ่นนั้นมีมารยาทในการกินอาหารอย่างไร การเรียกพนักงานเสริ์ฟที่ญี่ปุ่นควรเรียกด้วยการยกมือแค่ระดับไหล่ ไม่ควรยกมือสูงจนสุดแขน เพราะจะดูเป็นการเสียมารยาท หรือจะเรียกพนักงานเสริ์ฟด้วยเสียงก็สามารถทำได้ไม่ผิดอะไร คนญี่ปุ่นไม่นิยมให้เศษเงินทอนจากค่าอาหารเป็นค่าทิปให้กับพนักงานเสริ์ฟ เพราะว่าทางร้านได้คิดค่าบริการรวมไปกับค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว ข้อห้ามในการใช้ตะเกียบ ห้าใช้ตะเกียบของตนเองคีบอาหารส่งต่อกันแบบตะเกียบต่อตะเกียบ ห้ามเอาตะเกียบจิ้มอาหาร ห้ามเอาตะเกียบคุ้ยอาหารในจาน ห้ามเอาตะเกียบชี้หน้าคนหรือสิ่งของ ห้ามดูดปลายตะเกียบ ห้ามใช้ตะเกียบลากหรือเคลื่อนย้ายจาน ชาม บนโต๊ะอาหาร มารยาท และ ข้อห้ามทั้งหมดนี้ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพราะหากเราเผลอไม่ปฏิบัติตามอาจจะทำให้เราดูเป็นคนไร้มารยาทบนโต๊ะอาหารโดยไม่รู้ตัว จำกันได้หรือเปล่าว่ามีมารยาทข้อไหนที่ห้ามปฏิบัติใน “ญี่ปุ่น” เริ่มจาก มารยาทการใช้บริการรถไฟ และ การใช้บริการรถเมล์ และต่อกันด้วย มารยาทการกินอาหารในร้านอาหารญีปุ่น ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ยังมีมารยาทที่พึงปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติอีกหลายประการ คอยติดตามกันต่อไปคะ แหล่งที่มา : มารยาท 1 วันในญี่ปุ่น (วิธีเรียนรู้แบบเร่งรัด). DACO. 20 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม 2553. หน้า 8-9.– ( 960 Views)
![formats](../../../../../wp-content/themes/ifeature/images/formats/default.png)
รู้จักมารยาทการใช้ชีวิตแบบนิปปอน : มารยาทการขึ้นรถไฟ และ มารยาทการขึ้นรถเมล์
การใช้ชีวิตในประเทศญี่ป่นแบบชั่วครั้งชั่วคราว (นักท่องเที่ยว) หรือ จะใช้ชีวิตอยู่ประเทศญี่ปุ่นแบบยืนยาว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักมารยาทต่างๆ ของญี่ปุ่นค่อนข้างมากเพราะประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศค่อนข้าง “เจ้าระเบียบ” ทีเดียว การที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เจ้าระเบียบนั่นก็เพราะ ชาวญี่ปุ่นถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กๆ ให้มีการดำเนินชีวิตอย่างมีมารยาททางสังคม และให้ยืดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศญี่ปุ่นถูกขนานนามว่าเป็น “ประเทศที่น่าอยู่” จากสายตาของคนทั่วโลก สิ่งแรก … เมื่อมีโอกาสได้มาเยือนประเทศญี่ปุ่นนั่นก็คือ “การใช้บริการรถไฟ และ การใช้บริการรถเมล์” เรามาทำความเข้าใจกับ มารยาทการขึ้นรถไฟ และ มารยาทการขึ้นรถเมล์ กันดีกว่า ห้ามวิ่งขึ้นรถไฟ หรือเอามือไปกันประตุให้เปิดขณะที่ประตูรถไฟกำลังจะปิด เพราะจะทำให้คนอื่นเสียเวลา และที่สำคัญนิสัยของคนญี่ปุ่นถือเรื่องของเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากเราะเผลอไปทำกิริยาอย่างนั้นอาจจะทำให้คนญีปุ่นไม่พอใจเป็นอย่างมาก การถือกระเป๋าเดินทางหรือกระเป๋าเป้ขึ้นรถไฟหรือรถเมล์แล้ว หากไม่มีที่นั่งแนะนำให้วางกระเป๋ามาไว้ด้านหน้า หรือที่ชั้นตะแกรงสำหรับวางสัมภาระด้านบนของรถ แต่ถ้าเมื่อได้มีที่นั่งกระเป๋าหรือสัมภาระที่นำมาวางไว้บนตัก (ไม่ว่าจะหนักสักเพียงไหนก็ตาม) ห้ามเด็ดขาดที่จะนำสัมภาระนั้นวางด้านข้าง ซึ่งการกระทำแบบนี้จะถือเป็นการแสดงออกถึงความเอื้อเฟื้อที่ดี ห้ามคุยโทรศัพท์มือถือรบกวนผู้อื่น หากต้องการสื่อสาร ให้ใช้วิธีการส่งข้อความที่เรียกกันว่า SMS แทน นอกจากนั้น ควรจะตั้งเครื่องมือสื่อสารเป็นระบบสั่น ประเทศญี่ปุ่นเขามีชื่อเรียกระบบสั่นนี้ว่า Manaa mode แปลได้ว่า “ระบบมารยาท” การใช้บันไดเลื่อนทั้งขึ้นและลง ให้ยืนชิดด้านซ้ายถ้าอยู่ในเขตคันโต เช่น โตเกียว หรือให้ยืนชิดขวาถ้าอยู่ในเขตคันไซ
![formats](../../../../../wp-content/themes/ifeature/images/formats/default.png)
พบสุดยอดมนุษย์เชาวน์ปัญญาเลิศกว่า “ไอน์สไตน์ และ ฮอว์กิ้ง”
นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษพบและตรวจสอบ ด.ญ.โอลิเวีย แมนนิง อายุ 12 ปี ชาวเมืองลิเวอร์พูล ผู้มีระดับเชาวน์ปัญญาสูงถึง 162 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในการทดสอบ และระดับเชาวน์ปัญญาของ โอลิเวีย นั้นสูงเหนือกว่า “ไอนส์สไตน์ (Albert Einstein)” และ “ฮอว์กกิ้ง (Stephen William Hawking)” ยอดนักฟิสิกส์ ถึง 2 จุด ทำให้ โอลิเวีย ถูกจัดระดับให้อยู่ในพวกมนุษย์ที่มีระดับเชาวน์ปัญญาสูงที่สุด ซึ่งทั่วทั้งโลกมีอยู่เพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ในการทดสอบระดับเชาวน์ปัญญานั้น โอลิเวีย ได้แสดงให้เห็นถึงความชำนาญเฉพาะในการซึมซับและจดจำเรื่องราวใหม่ๆ และเธอได้แสดงท่าทีตอบรับผลการตรวจวัดระดับเชาวน์ปัญญาของตนด้วยความเงียบและนิ่ง – ( 443 Views)
![formats](../../../../../wp-content/themes/ifeature/images/formats/default.png)
ไลโคปินในมะเขือเทศ ลดความเสี่ยงการเป็นอัมพาต
แพทยสมาคมประสาทวิทยาของสหรัฐฯ เผยในวารสาร “ประสาทวิทยา” ได้ทำการศึกษาวิจัยการบริโภคมะเขือเทศหรืออาหารที่ปรุงด้วยมะเขือเทศมากๆ จะช่วยป้องกันโรคอัมพฤกษ์อัมพาตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากในมะเขือเทศอุดมไปด้วยสารไลโคปิน ซึ่งเป็นสารป้องกันอนุมูลอิสระ การศึกษาได้กระทำกับผู้ชายชาวฟินแลนด์ที่อยู่ในช่วงวัยระหว่าง 46-65 ปี จำนวน 1,031 คน ผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคมะเขือเทศมากที่สุด เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยชอบบริโภคมะเขียนเทศแล้ว อัตราการรอดจากการเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตของคนที่ชอบบริโภคมะเขือเทศอยู่ในอัตราร้อยละ 55 และยังเสี่ยงต่อการเป็นเส้นเลือดอุดตันลดลงถึงร้อยละ 59 ดร. จูนี คาร์ปปี หัวหน้าคณะผู้ศึกษา สรุปว่า “การศึกษาในครั้งนี้ได้หลักฐานยืนยันชัดเจนขึ้นว่าการบริโภคผักและผลไม้มาก จะช่วยป้องกันโรคอัมพาตได้ อีกทั้งยังสนับสนุนคำแนะนำที่บอกไว้ก่อนว่า ให้กินผักผลไม้วันละไม่ต่ำกว่า 5 มื้อ จะทำให้จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคอัมพาตทั่วโลกลดลงได้” แหล่งที่มา : กินมะเขือเทศป้องกันเป็นอัมพาตได้ ยิ่งกินมากยิ่งหนีได้ห่างตั้งครึ่งต่อครึ่ง. ไทยรัฐ. [อนนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : http://www.thairath.co.th/content/edu/297781. (วันที่ค้นข้อมูล 13 ตุลาคม 2555).– ( 286 Views)
![formats](../../../../../wp-content/themes/ifeature/images/formats/default.png)
ชุดตรวจวินิจฉัยโรคผลเน่าแบคทีเรียในพืชตระกูลแตงที่เกิดจากเชื้อรา
ดร.อรประไพ คชนันทน์ นักวิจัยห้องปฏิบัติการผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดี นำผลงาน “ชุดตรวจวินิจฉัยโรคผลเน่าแบคทีเรียในพืชตระกูลแตงที่เกิดจากเชื้อ Acidovorax avenae subsp. citrulli Aac” เข้าร่วมประกวดในงานประกวดผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2556 “ชุดตรวจนี้ใช้สำหรับตรวจเชื้อแบคทีเรีย Acidovorax avenae subsp. citrulli Aac ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคผลเน่าแบคทีเรีย (Bacterial fruit Blotch) ในพืชตระกูลแตง ชุดตรวจ Aac Detection kit มีความจำเพาะเจาะจงสูงต่อ Aac ไม่ทำปฏิกิริยาข้ามกับแบคทีเรียชนิดอื่นๆ ซึ่งเกษตรกรสามารถใช้ตรวจเพื่อหาเชื้อที่แสดงอาการของโรคจากใบ ต้นกล้า เปลือกของผล รวมทั้ง Bacterial cultures” – ( 197 Views)
![formats](../../../../../wp-content/themes/ifeature/images/formats/default.png)
อิ่มบุญ สุขใจ กับ “เทศกาลกินเจ”
เทศกาลกินเจ เทศกาลกินเจ ถือเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาวจีนที่มีการปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล เทศกาลกินเจนั้นจะเริ่มขึ้นเมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน) ของทุกปี โดยเมื่อถึงวันดังกล่าวประชาชนจะนำธงพื้นสีเหลืองซึ่งมีตัวอักษรจีนสีแดงโดดเด่นมาประดับตามร้านอาหาร หรือสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ได้เข้าร่วมเทศกาลกินเจแล้ว และสำหรับเทศกาลกินเจ ปี 2555 จะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 15 -23 ตุลาคม 2555 ซึ่งบางคนอาจกินเจล่วงหน้า 1 วัน หรือที่เรียกว่า “ล้างท้อง” ความหมายของเจ คำว่า “เจ” ในภาษาจีนทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีความหมายว่า “อุโบสถ” เดิมหมายความว่า “การรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน” ตามแบบอย่างของชาวพุทธที่รักษาอุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 ที่จะไม่รับประทานอาหารหลังเที่ยงวันไปแล้ว แต่สำหรับพุทธนิกายมหายานนั้น การรักษาอุโบสถศีลจะรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วย เราจึงนิยมเรียกการไม่ทานเนื้อสัตว์รวมไปกับการกินเจ ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่า “กินเจ” ดังนั้นความหมายของคนกินเจ ไม่เพียงแต่ไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ –
![formats](../../../../../wp-content/themes/ifeature/images/formats/default.png)
วันการล้างมือโลก
วันการล้างมือโลก (Global Hand Washing Day) ตรงกับวันที่ 15 ตุลาคม ของทุกปี ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2008 ณ เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็น พร้อมกันนี้ได้มีการกำหนดให้ปี 2008 เป็นสากลแห่งการรักษาอนามัยด้วย เพื่อกระตุ้นเตือนให้ชาวโลกเห็นถึงความสำคัญ ของการล้างมือด้วยสบู่ว่าจะช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ รวมถึงต้องการสร้างวัฒนธรรมการล้างมือให้สะอาดถูกสุขอนามัยขึ้นทั่วโลก – ( 1267 Views)