Instagram อ่านว่า อินสตาแกรม คือ โปรแกรมที่สามารถนำรูปที่ถ่ายไว้ หรือรูปในแกลลอรี่มาตกแต่งให้สวยงามในสไตล์ของเราเองด้วยฟิลเตอร์ (Filter) และเครื่องมือที่มีอยู่ใน Instagram ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบให้เลือก แล้วนำรูปภาพที่ตกแต่งนั้นไปแชร์ให้เพื่อนๆ ใน Social Network ได้ดูกันอีก เช่น Twitter, Facebook, Foursquare หรือ Tumblr และในทางกลับกันเราก็สามารถเปิดดู แสดงความชื่นชอบ (Likes) และแสดงความคิดเห็น (Comments) ในรูปที่เพื่อนๆ ของเราแชร์ไว้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Instagram ได้รับความนิยมอย่างสูงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็คือการใช้งานที่ง่าย สะดวกรวดเร็ว มีผู้ใช้งานร่วมกันเป็นจำนวนมาก มีอินเทอร์เฟสที่สวยงาม มีความสนุกอยู่ในตัวเอง และในยุคสมัยปัจจุบันนี้มีดาราดัง หรือ เหล่าบรรดาเซเลบชอบใช้กันอีกก็ยิ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้กระแสของ Instagram แรงขึ้นตามลำดับ จากความแรงนี้เองทำให้เมื่อปี 2011 มียอดผู้ใช้ Instagram กว่า 15 ล้านคน โดยมีสถานที่ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุด คือ Disney Land แต่ประเทศไทยก็อย่าน้อยอกน้อยใจกันไป เพราะมีสถานที่ของประเทศไทย อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิ
การค้นพบสัตว์ทะเลชนิดใหม่จากธานน้ำร้อนใต้สมุทร
นักวิจัยจากสถาบันสมุทรศาสตร์แห่งชาติ (National Oceanography Centre) ในเมือง เซาท์แทมตัน สหราชอาณาจักร เปิดเผยผลการค้นพบสัตว์ทะเลชนิดใหม่จากธารน้ำร้อนใต้สมุทรที่มีความร้อนมากถึง 450 องศาเซลเซียส และอยู่ลึกกว่า 5 กิโลเมตร นักวิจัยเปิดเผยผลการสำรวจจากการใช้หุ่นยนตร์ดำน้ำลงไปสำรวจธารน้ำร้อนใต้มหาสมุทรลึก 5 กิโลเมตร ใต้ทะเลบริเวณหมู่เกาะคาริเบียน พบกุ้งทะเลขนาดเล็กชนิดหนึ่งเกาะกลุ่มอยู่กันอย่างหนาแน่น (ประมาณ 2,000 ตัว ต่อตารางเมตร) รอบปล่องของธารน้ำร้อนที่สูงถึง 6 เมตร โดยกุ้งดังกล่าวมีสีซีดและไม่มีอวัยวะที่เป็นดวงตา (เหมือนๆ กับสิ่งมีชีวิตหลายๆ ชนิดที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ดวงตาในการรับภาพก็จะไม่พบอวัยวะที่เป็นดวงตา) แต่จะมีอวัยวะที่เป็นตัวรับแสงเล็กๆอยู่บนหลังของพวกมันแทน นักวิจัยได้ตั้งชื่อกุ้งชนิดใหม่นี้ว่า Rimicaris hybisae และได้ตีพิมพ์ผลการค้นพบดังกล่าวลงในวารสาร Nature Communication เรียบร้อยแล้ว Dr. Jon Copley นักวิจัยจากสถาบันดังกล่าวเปิดเผยอีกว่า แม้ว่าเราจะไม่สามารถวัดอุณหภูมิจากธารน้ำร้อนดังกล่าวได้โดยตรงแต่ได้มีการคาดการณ์ว่าจะต้องมีอุณหภูมิสูงกว่า 450 องศาเซลเซียส และยังเพิ่มเติมอีกว่า การศึกษาสิ่งมีชีวิตจากธารน้ำร้อนแห่งนี้เมื่อทำการเปรียบเทียบกับแหล่งอื่นทั่วโลก จะทำให้เราเข้าใจการแพร่กระจายและการวิวัฒนาการของสัตว์ใต้ทะเลลึกได้ดียิ่งขึ้น แหล่งที่มา : นักวิจัยทางทะเลประกาศพบกุ้งทะเลพันธุ์ใหม่ของโลกจากใต้ทะเลลึกสุดร้อน. ศูนย์ข่าววิทยาศาสตร์ อพวช. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : http://www.nsm.or.th/nsm2009/index.php?option=com_nsmcontents&views=article&id=2896&Itemid=88. (วันที่ค้นข้อมูล 28
“Black Galaxy Tomatoes” มะเขือเทศสีดำ
นักวิทยาศาสตร์อิสราเอลให้กำเนิด “แบล็ก กาแลคซี” (Black Galaxy Tomatoes) มะเขือเทศสีดำ ทางผู้เชี่ยวชาญได้นำมะเขือเทศป่ามาผสมข้ามสายพันธุ์กับมะเขือเทศที่ได้รับ การเพาะเลี้ยง จนออกมาเป็นมะเขือเทศที่มีสีดำแปลกตา ขณะที่สีดำนี้เกิดจากสารชนิดหนึ่งซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่พบในผลของบลูเบอร์รี สารตัวนี้มีความไวต่อแสงเป็นอย่างมาก ดังนั้นยิ่งมะเขือเทศโดนแดดมากเท่าไหร่ ผิวของมันก็ยิ่งกลายเป็นสีดำเข้มมากขึ้น พันธุ์ผสมชนิดใหม่ ผิวสีดำ เนื้อข้างในสีชมพูสวยงาม แบล็ก กาแลคซี มะเขือเทศดำพันธุ์นี้ได้ถูกคิดค้นและเพาะพันธุ์โดยนักวิทยาศาสตร์ของบริษัท ซีด เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและพัฒนาผักชนิดไฮบริด (การเพาะผสมข้ามสายพันธุ์) หรือผักที่ผ่านการผสมสายพันธุ์เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง คาฟา รุต ของประเทศอิสราเอล โดยการผสมข้ามสายพันธุ์มะเขือเทศป่าเข้ากับสายพันธุ์ที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหลายชนิดจนได้มะเขือเทศดำพันธุ์ใหม่นี้ขึ้นมา โดยนักวิจัยกล่าวว่า มะเขือเทศพันธุ์นี้มีผิวเป็นสีดำซึ่งเกิดจากสารสีชนิดเดียวกับสารสีที่พบใน ผลบลูเบอร์รี่ ซึ่งยิ่งโดนแสงอาทิตย์มากเท่าไร สีก็จะเข้มขึ้นซึ่งจะมีความเข้มขึ้น ในขณะที่เนื้อข้างในยังคงมีสีชมพูสวยงาม ทีมนักวิจัยยังกล่าวเพิ่มอีกว่า ด้วยความที่แตกต่างของมะเขือเทศพันธุ์นี้ จะพบว่า มีคุณค่าทางโภชนาการ ที่เต็มไปด้วยสารอาหาร รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) และวิตามิน ซี และยังเป็นส่วนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งมากกว่ามะเขือเทศธรรมดาทั่วไป เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน บริษัท ซีด เทคโนโลยี ยังมีพืชผลพันธุ์แปลกๆ ใหม่ๆ เช่น มะนาวไร้เมล็ด
รวมพิพิธภัณฑ์แปลกจากทั่วโลก
พิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่ที่จัดเก็บและรวบรวมสิ่งของต่างๆ รวบรวมไว้เพื่อประโยชน์ในการศึกษา และแสดงสิ่งต่างๆ เช่น โบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุ ที่มีความสำคัญด้านวัฒนธรรมหรือด้านวิทยาศาสตร์ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเล่าเรียน และก่อให้เกิดความเพลิดเพลินใจ ในปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย จนไม่น่าเชื่อว่าสิ่งของบางสิ่งจะสามารถถูกนำมาจัดเก็บและแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ วันนี้ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับ “พิพิธภัณฑ์แปลก” จากทั่วโลก และในพิพิธภัณฑ์แปลกจากทั่วโลกนี้ มีพิพิธภัณฑ์ของประเทศไทยติดอันดับความแปลกด้วย – ( 653 Views)
เมื่อเซลล์ผิวหนังกลายเป็นเซลล์สมองได้
ทีมนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทดลองพัฒนาเซลล์ผิวหนังของหนูให้กลายเป็นเซลล์ประสาท (neuron cell) ซึ่งสามารถพัฒนาต่อไปเป็นเซลล์สมองได้สำเร็จ ซึ่งหากเทคนิคนี้ใช้ได้ผลเป็นอย่างดี ทีมวิจัยจะต่อยอดวิจัยในมนุษย์ต่อไป จากเดิมที่เคยพัฒนาเฉพาะ stem cell ด้วยหวังว่าจะใช้รักษาโรคต่าง ๆ ได้ เช่น ลิวคิเมีย อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน อัมพาตไขสันหลัง เป็นต้น แต่การใช้ stem cell ยังคงมีข้อจำกัดด้านจริยธรรมหากต้องนำ stem cell จากตัวอ่อนมนุษย์ หรือในกรณีที่ผู้ป่วยต้องรับ stem cell จากผู้อื่นอาจเกิดการต่อต้าน ทำให้ต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันซึ่งทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นหากผู้ป่วยสามารถใช้เซลล์ผิวหนังของตนเองได้ ย่อมดีกว่ามาก ทีมนักวิจัยใช้เทคนิคเปลี่ยนเซลล์ผิวหนังให้เป็นเซลล์ประสาท โดยสร้างเซลล์ชื่อว่า “neural precursor” ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์สมองทั้ง 3 ชนิด คือ เซลล์ประสาท (neurons) astrocytes และ oligodendrocytes ข้อดีของเซลล์ที่เกิดจากกระบวนการนี้คือ สามารถเจริญได้ดีในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยแนวคิดที่ว่าทั้งเซลล์สมองและเซลล์ผิวหนังมีสารพันธุกรรมเช่นเดียวกัน แต่แสดงออกต่างกันเพราะสิ่งแวดล้อม ดังนั้นทีมนักวิจัยจึงใช้วิธีการกระตุ้นเซลล์ในช่วงแรกๆของการแบ่งตัว (transcription
แมงมุมนกยูง แมงมุมสวยที่สุดในโลก
แมงมุมนกยูง Peacock spider ได้ชื่อว่าเป็นแมงมุมที่สวยที่สุดในโลก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Maratus valans เป็นภาษาลาตินมีความหมายว่าการบิน (flying) ทำให้แมงมุมนกยูง เป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า แมงมุมถลาลม (Gliding spider) แต่จริงๆ แล้วแมงมุมนกยูงนีไม่สามารถบิน หรือ ถลาลม ได้ แมงมุมนกยูง พบได้ที่ ควีนแลนด์ และ นิวเซาท์เวล ประเทศออสเตรเลีย แมงมุมนกยูงเป็นแมงมุม ขนาดเล็ก ลำตัวยาวประมาณ 4 – 5 มิลลิเมตร แมงมุมนกยูงตัวเมียมีสีน้ำตาล ส่วนแมงมุมนกยูงที่มีสีสรรสวยงามเป็นตัวผู้ จะมีขนสีสันสวยงามมาก ปกคลุมทั่วลำตัว ทั้งสีขาว สีแสด สีน้ำเงิน สีขาว แมงมุมนกยูงจะชูก้นขึ้น แล้วแผ่แผ่นหนังด้านข้างลำตัวออกมาเป็นวงกลม มีลักษณะคล้ายนกยูงรำแพน พร้อมๆกับการยกขาคู่ที่ 3 ชี้ขึ้นฟ้าเพื่อโชว์ ถุงเท้าสีขาวของมัน พฤติกรรมที่เจ้าแมงมุมนกยูงตัวผู้ จะใช้โชว์ตัวเมียในช่วงผสมพันธุ์ คือ แมงมุมนกยูงตัวผู้จะรำแพน พร้อมทั้งเต้นรำโยกย้ายซ้าย ขวา ไปมา นอกจากเจ้าแมงมุมนกยูงจะเป็นแมงมุมที่สวยที่สุดในโลกแล้วยังเรียกได้ว่าเป็นแมงมุมเท้าไฟขาแดนซ์อีกด้วย
5 สุดยอด อาหารใกล้ตัวพิชิตโรค
ผู้ชายส่วนใหญ่มักมีนิสัย “อยู่ง่าย กินง่าย” ไม่จู้จี้จุกจิกเท่าผู้หญิง แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ไม่ว่าจะเพศใด ก็อยู่ภายใต้คำว่า “กินยังไง ก็เป็นอย่างนั้น” (You are what you eat) พูดง่ายๆ ก็คืออาหารที่เรากินเข้าไป ล้วนแล้วแต่จะส่งผลกระทบกับร่างกายเราโดยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะทางบวกหรือทางลบ ดังนั้นแม้ว่าคุณจะเป็นคนอยู่ง่าย กินง่ายแค่ไหน ถ้ากินไม่เลือกหรือไม่คิด ร่างกายก็แย่และเสื่อมโทรมได้เหมือนกัน แต่หากกินอย่างรู้เท่าทันสารอาหารที่ได้รับจากการกินก็จะยิ่งบำรุงและยืดอายุร่างกายได้อย่างเหลือเชื่อ – ( 266 Views)
เชื่อหรือไม่ว่า “โลกมีคู่แฝด” อยู่ไกล 600 ปีแสง
“Kepler 22-b” คือชื่อดาวนอกระบบสุริยจักรวาล ที่มีลักษณะทางกายภาพใกล้เคียงกับโลกมากที่สุด เท่าที่เคยพบมา ลักษณะดาวมีสีฟ้าคล้ายกับโลก แต่มีขนาดใหญ่กว่า 2.4 เท่า อุณหภูมิพื้นผิวของดาวประมาณ 22 องศาเซลเซียส โคจรรอบดาวฤกษ์ซึ่งมีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์โดยใช้เวลา 290 วัน (ขณะที่โลกใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 365 วัน) แต่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ นาซ่า ยังไม่ยืนยันว่าบนดาวมีหิน ก๊าซ หรือของเหลวหรือไม่ จากหลักฐานดังกล่าวทำให้ทีมวิจัยเชื่อว่าดาวดวงนี้มีความเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต โดยดาวดวงนี้อยู่ห่างจากโลกประมาณ 600 ปีแสง นอกจากนี้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ ยังคงพยายามค้นหาดาวที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับโลกซึ่งมีจำนวนดวงดาวที่เข้าข่ายอีกกว่า 1,000 ดวง ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ (Kepler space telescope) ที่ออกแบบมาเพื่อศึกษาดาวฤกษ์ประมาณ 150,000 ดวงในท้องฟ้ายามค่ำคืน และกล้องโทรทรรศน์อวกาศนี้ยังมีความไวมากพอที่จะตรวจจับเมื่อดาวเคราะห์ผ่านหน้าดาวฤกษ์ของตัวเอง จากการวัดความสว่างของดาวฤกษ์ที่ลดลงแม้เพียงเล็กน้อย – ( 282 Views)
การค้นพบฟอสซิล “ไดโนเสาร์มีขน” อายุกว่า 75 ล้านปี
วารสารวิทยาศาสตร์ ของประเทศแคนนาดาได้เปิดเผยว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวแคนนาดาขุดค้นพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์สายพันธุ์มีขน เป็นครั้งแรกของทวีปอเมริกา จากการตรวจสอบพบว่ามีอายุเก่าแก่มากกว่า 75 ล้านปี การค้นพบครั้งประวัติศาสตร์นี้ เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ที่รกร้างในมลรัฐอัลแบร์ตา ประเทศแคนาดา โดยฟอสซิลที่พบนี้เป็นของสัตว์ดึกดำบรรพ์ โตเต็มวัย 2 ตัว และยังไม่โตเต็มวัยอีก 1 ตัว ลักษณะคล้ายนกกระจอกเทศ หรือรู้จักกันในตระกูลของ ออร์นิโธมิมิดส์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไดโนเสาร์ชนิดมีขนส่วนใหญ่มักจะถูกพบในพื้นที่สาธารณรัฐประชาชนจีนและเยอรมนี โดยนางดาร์ลา เซเลนิตสกี ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยคัลแกรี กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พบไดโนเสาร์สายพันธุ์ดังกล่าวในซีกโลกตะวันตก แหล่งที่มา : นักวิทย์ตื่นเต้น! พบฟอสซิล “ไดโนเสาร์มีขน” ครั้งแรกบนทวีอเมริกา. ไทยรัฐออนไลน์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : http://www.thairath.co.th/content/oversea/301551. (วันที่ค้นข้อมูล 26 ตุลาคม 2555).– ( 247 Views)
แผนที่รวบรวมเหตุการณ์แผ่นดินไหว
ปัจจุบันนี้เราได้รับฟังข่าวเรื่องการเกิด “แผ่นดินไหว” นั้นเกิดถี่ขึ้นกว่าปกติ แต่จริงๆ แล้วเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้มีการรวบรวมข้อมูลไว้ตั้งแต่ปี 1898 ได้เผยเหตุการณ์แผ่นดินไหวมากมายนานนับศตวรรษ โดยบันทึกตั้งแต่ขนาดที่ทำให้ชั้นหนังสือสั่นสะเทือนขึ้นไป และจากแผนที่แผ่นดินไหวนี้ในจุดใดมีสียิ่งสว่างนั่นแสดงให้เห็นว่าบริเวณนั้นความรุนแรงมากขึ้น ภาพ “แผนที่แผ่นดินไหว” อาวเออร์อะเมซิงแพลเน็ต (OurAmazingPlanet) ระบุว่า ทำขึ้นโดย จอห์น เนลสัน (John Nelson) ผู้จัดการด้านการดูแลผู้ใช้งานและการทำแผนที่จากไอดีวีโซลูชันส์ (IDV Solutions) บริษัทด้านการแปลงข้อมูลเป็นภาพ โดยข้อมูลแผ่นดินไหวที่ถูกบันทึกลงแผนที่นี้เป็นข้อมูลแผ่นดินไหวขนาด 4.0 ริกเตอร์ขึ้นไป โดยนับตั้งแต่ปี 1898 ถึงปี 2003 และมีแผ่นดินไหวรวมทั้งสิ้น 203,186 ครั้งที่ถูกบันทึกลงแผนที่ และยิ่งขนาดแผ่นดินไหวรุนแรง สีที่บันทึกก็ยิ่งเป็นสีสว่างยิ่งขึ้น และเหตุการณ์แผ่นดินไหวในแผนที่ยังเผยให้เห็นรูปร่างของแผ่นเปลือกโลกด้วย บริเวณเขตมุดตัวของเปลือกโลก (Subduction zone) นั้นมีค่อนข้างสว่างสดใส โดยบริเวณดังกล่าวมีแผ่นเปลือกโลกที่ซ้อนทับกัน และเปลือกโลกแผ่นหนึ่งมุดลงใต้แผ่นเปลือกโลกอีกแผ่น ซึ่งกระบวนการดังกล่าวทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงบนโลก ทั้งนี้การบันทึกข้อมูลนั้นมีความคลาดเคลื่อนแตกต่างกันไปตามความทันสมัยของเครื่องมือที่ใช้ศึกษาแผ่นดินไหว โดยเนลสันได้เห็นข้อมูลจำนวนมากพุ่งพรวดในช่วงปี 1960 เป็นต้นมา และแม้ว่าแผนที่จะไม่ได้รวบรวมข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหวทั้งหมดแต่ก็ให้ภาพอ้างอิงที่น่าตื่นตา และน่าสนใจมากกว่าข้อมูลที่อัดแน่นอยู่ในแฟ้มข้อมูลแบบตัวอักษรหรือบันทึกข้อมูลเป็นตัวเลขไว้ด้วยตัวเลขในสเปรดชีท แหล่งที่มา : เคยเห็นไหม? แผนที่รวมเหตุ “แผ่นดินไหว” ตั้งแต่