ปัจจุบัน คลินิกจำนวนมากในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาแอบอ้างว่าสามารถใช้ stem cell รักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและราคาย่อมเยา มีสรรพคุณในการรักษาและต่อต้านริ้วรอยด้วยการเพิ่ม stem cell ในผลิตภัณฑ์ความนิยามการรักษาด้วย stem cell ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้หน่วยงานรัฐบาลของหลาย ๆ ประเทศต้องดิ้นรนในการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับเทคโนโลยีเกิดใหม่นี้ สิ่งที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนคือ การให้การรักษาด้วย stem cell ส่วนใหญ่เป็นการรักษาภายใต้การทดลองทางการแพทย์ที่ยังต้องมีการตรวจสอบควบ คุมจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการตรวจสอบผลข้างเคียงหลังการรักษา แต่คลินิกหลาย ๆ แห่งกลับประชาสัมพันธ์และให้บริการการรักษาประเภทนี้เช่นเดียวกับการรักษา รูปแบบอื่น ๆ ที่ได้รับการรับรองในวงการแพทย์แล้ว – ( 8 Views)
เมื่อเซลล์ผิวหนังกลายเป็นเซลล์สมองได้
ทีมนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทดลองพัฒนาเซลล์ผิวหนังของหนูให้กลายเป็นเซลล์ประสาท (neuron cell) ซึ่งสามารถพัฒนาต่อไปเป็นเซลล์สมองได้สำเร็จ ซึ่งหากเทคนิคนี้ใช้ได้ผลเป็นอย่างดี ทีมวิจัยจะต่อยอดวิจัยในมนุษย์ต่อไป จากเดิมที่เคยพัฒนาเฉพาะ stem cell ด้วยหวังว่าจะใช้รักษาโรคต่าง ๆ ได้ เช่น ลิวคิเมีย อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน อัมพาตไขสันหลัง เป็นต้น แต่การใช้ stem cell ยังคงมีข้อจำกัดด้านจริยธรรมหากต้องนำ stem cell จากตัวอ่อนมนุษย์ หรือในกรณีที่ผู้ป่วยต้องรับ stem cell จากผู้อื่นอาจเกิดการต่อต้าน ทำให้ต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันซึ่งทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นหากผู้ป่วยสามารถใช้เซลล์ผิวหนังของตนเองได้ ย่อมดีกว่ามาก ทีมนักวิจัยใช้เทคนิคเปลี่ยนเซลล์ผิวหนังให้เป็นเซลล์ประสาท โดยสร้างเซลล์ชื่อว่า “neural precursor” ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์สมองทั้ง 3 ชนิด คือ เซลล์ประสาท (neurons) astrocytes และ oligodendrocytes ข้อดีของเซลล์ที่เกิดจากกระบวนการนี้คือ สามารถเจริญได้ดีในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ด้วยแนวคิดที่ว่าทั้งเซลล์สมองและเซลล์ผิวหนังมีสารพันธุกรรมเช่นเดียวกัน แต่แสดงออกต่างกันเพราะสิ่งแวดล้อม ดังนั้นทีมนักวิจัยจึงใช้วิธีการกระตุ้นเซลล์ในช่วงแรกๆของการแบ่งตัว (transcription