หลายคนเมื่อพูดถึงเสี้ยนนม อาจสงสัยว่าเป็นชื่อของอะไร แท้จริงเป็นชื่อของแมลงที่มีขนาดเล็กและมีจุดเด่นไม่เหมือนแมลงชนิดอื่น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม– ( 32 Views)
เว็บไซต์วิชาการ.คอม นำเสนอบทความเรื่อง สินสมรส รู้ไว้ก่อนปลอดปัญหาหลังแต่งงาน
ผู้อ่านที่มีคู่ชีวิตในฐานะสามีภรรยาที่ “จดทะเบียนสมรส” ทุกคู่ควรรู้ ส่วนใครที่แม้จะแต่งงานกันเป็นที่รับรู้ของสังคมแต่ “ไม่ได้จดทะเบียนสมรส” ก็อ่านไว้เป็นความรู้รอบตัว เพราะว่าความไม่เข้าใจเรื่อง “กฎหมายสินสมรส” นี่เองที่ทำให้สามีภรรยาที่จดทะเบียน สมรสต้องมีเรื่องราวกันมานักต่อนักแล้ว เพราะยามรักกันดีมักไม่มีปัญหา แต่ปัญหาก็จะเกิดก็ต่อเมื่อชีวิตคู่เริ่มไม่ลงรอยกันและต้องการหย่านั่นเอง หรือไม่เรื่องทรัพย์สินก็กลายเป็นประเด็นให้เกิดการหย่าด้วยซ้ำไป รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าถึงได้ที่ http://vcharkarn.com/varticle/57077– ( 43 Views)
เว็บไซต์วิชาการ.คอม นำเสนอบทความเรื่อง โรคที่มากับหน้าฝนที่ทุกคนต้องระวัง
หน้าฝนมีสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยและมีความชื้นสูงเป็นช่วงที่โรคประจำฤดูฝนแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งหากคุณดูแลสุขภาพไม่ดีพอก็จะทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายๆ โรคที่คุ้นเคยกันดีสำหรับเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เช่น โรคหวัด โรคน้ำกัดเท้า โรคมือเท้าปาก แต่ยังมีโรคอื่นๆ ที่ระบาดมากในหน้าฝนที่คุณควรทราบและต้องระวังอีกดังนี้ โรคที่ติดต่อทางน้ำและทางเดินอาหาร โรคไข้เลือดออก โรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิล รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าถึงได้ที่ http://vcharkarn.com/varticle/57082– ( 51 Views)
เว็บไซต์วิชาการ.คอม นำเสนอบทความเรื่อง “ออกจากกรงที่ขังตัวเอง”
จะว่าไปแล้ว… ปัญหาของคนในยุคนี้ก็คือ “มีข่าวสารข้อมูลมากเกินไป” จนไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรดี ทุกวันนี้ข่าวสารข้อมูลมาจากทุกทิศทุกทาง แค่จากโทรทัศน์ซึ่งมีอยู่นับร้อยช่องก็เกินพอแล้ว นอกจากนั้นยังมีหนังสือพิมพ์และนิตยสาร มีเว็บไซต์นับสิบที่อยากอ่าน อีเมล์มากมายที่ต้องตอบ Twitter Facebook หลายเพจที่ต้องเปิด YouTube นับสิบคลิปที่ชวนดูโทรศัพท์ที่มาในรูปของเสียง SMS อีกด้วย ที่ว่านี้เฉพาะข่าวสารข้อมูลที่เราอยากรับรู้ ยังมีอีกมากที่เราไม่สนใจแต่ก็โผล่มาให้เห็นตามป้ายโฆษณานับร้อยๆ ในแต่ละวัน แล้วข้อมูลที่ต้องอ่านต้องเจอระหว่างการทำงานอีกล่ะ…ไม่ผิดหากจะพูดว่าคนทุกวันนี้กำลังถูกข้อมูลท่วมทับ
วิธีหนึ่งที่จะช่วยทลายกรงขังดังกล่าวก็คือ การพยายาม “เปิดใจรับรู้ข่าวสารข้อมูลและความเห็นที่หลากหลาย” ด้วยการเข้าหาแหล่งข้อมูลที่มีจุดยืนหรือความเห็นไม่ตรงกับตนเองบ้าง ไม่ใช่เพื่อรู้ว่าเขาคิดอะไรเท่านั้น แต่เพื่อรับฟัง ไตร่ตรอง และเทียบเคียงกับข้อมูลที่ตนมี ในเวลาเดียวกันก็ควรขยายแวดวงผู้ที่ตนติดต่อสื่อสารให้กว้างขวางขึ้น รวมไปถึงคนที่คิดต่างจากเราด้วย เพื่อตรวจทานความเห็นของตน รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าถึงได้ที่ http://vcharkarn.com/varticle/57089– ( 44 Views)
เว็บไซต์วิชาการ.คอม นำเสนอบทความเรื่อง กิน (พอ) ดี เพื่ออยู่พอดี
ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษยชาติ เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่เสมอ ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการอยู่รอดและสืบทอดเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่อาหารการกินยังมีบทบาทต่อทุกมิติชีวิตมาตั้งแต่อดีต เป็นกิจกรรมที่ทุกคนต้องทำเพื่อบำรุงร่างกายและสติปัญญา เป็นนัยสำคัญต่อการเลือกสถานที่ตั้งถิ่นฐาน เป็นปัจจัยเชื่อมโยงดินแดนคนละฟากโลกบนเส้นทางสายการค้า เป็นเครื่องแสดงความงดงามของวัฒนธรรมประเพณี เป็นแม้แต่เหตุผลในการก่อสงครามหรือปลดแอกประเทศสู่อิสรภาพ
แต่ความจริงอันหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกประการหนึ่งคือ การกินเป็นกิจกรรมที่ส่งผลกระทบทั้งต่อปัจเจกชนและสิ่งแวดล้อม แม้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำจะทำให้เราดูเหมือนอยู่ดีกินดี และสะดวกสบายในเรื่องการกินมากกว่าบรรพบุรุษที่ต้องออกล่าเหยื่อพร้อมหอกหรือหน้าไม้ แต่อาหารของคนรุ่นเรากลับมีคุณภาพด้อยกว่ามาก จากที่เคยมั่นใจว่าอาหารเป็นยา ทว่าในปัจจุบัน ด้วยระบบอุตสาหกรรมการผลิตอาหารทำให้ไม่แน่เสียแล้วว่าอาหารที่เรากินนั้นจะป้องกันและรักษาโรคได้ ในเมื่อมีความจริงอยู่ว่า อาหาร (ตลอดจนพฤติกรรมการกินของเรา) ในศตวรรษนี้ กลับเป็นต้นเหตุของโรคร้ายหลายชนิด รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าถึงได้ที่ http://vcharkarn.com/varticle/57096– ( 57 Views)
เว็บไซต์วิชาการ.คอม นำเสนอบทความเรื่อง วิลเลียม มอร์ตัน ผู้นำอีเทอร์มาใช้เป็นยาสลบ
ในอดีตมีผู้คนมากมายต้องเสียชีวิตจากการเข้ารับการผ่าตัด สาเหตุก็เนื่องมาจากการทนพิษบาดแผลไม่ไหว และยังมีอีกหลายคนที่ยอมเสี่ยงทนทุกข์จากโรค เพื่อหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยการผ่าตัด เนื่องจากไม่อยากเจ็บปวดและทนทรมานจากบาดแผลผ่าตัด เพราะสมัยก่อนนั้นยังไม่มีการใช้ยาสลบ เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บของผู้ป่วยนั่นเอง
ความจริงจะว่าไปแล้ว “ยาสลบ” นับเป็นกุญแจสำคัญที่สุดในวิชาด้านการแพทย์ศัลยศาสตร์ โดยมีมากว่า 200 กว่าปีแล้ว ในยุคแรก ๆ นั้น แพทย์ได้ใช้ฝิ่น มอร์ฟีน แอลกอฮอล์รวมไปถึงวิธีการสะกดจิต เพื่อช่วยให้คนไข้เบี่ยงเบนให้คนไข้ลืมความเจ็บปวดจากการผ่าตัด ต่อมาจึงได้มีการใช้ “ก๊าซไนตรัสออกไซด์” หรือเรียกกันว่า “ก๊าซหัวเราะ” เนื่องจากสูดดมแล้วให้ความรู้สึกเคลิ้มสุขหรือครึ้มใจ แต่ใช่ว่าก๊าซไนตรัสออกไซด์นี้จะสามารถนำมาใช้เป็นยาสลบได้เป็นอย่างดีซะทีเดียว เพราะเนื่องจากประสิทธิภาพของมันไม่สามารถทำให้คนไข้หมดสติได้นาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาได้ระหว่างการผ่าตัดจนกระทั่งมีผู้นำเอาสารเคมี อย่าง “อีเทอร์” มาใช้เป็นยาสลบ โดยผ่านทางวิธีการสูดดมเป็นครั้งแรกในการผ่าตัด นั่นก็คือ “วิลเลียม มอร์ตัน” (William T. G. Morton) ทันตแพทย์ชาวอเมริกัน รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าถึงได้ที่ http://vcharkarn.com/varticle/57230
– ( 61 Views)