หลังจากมีก่อตั้งลูกเสือไทยแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีพระราชประสงค์ที่จะตั้งสมาชิกแม่เสือขึ้น เพื่อทำหน้าที่จัดหาเสบียง และเวชภัณฑ์ในกองเสือป่า พร้อมทั้งก่อตั้งการลูกเสือหญิง โดยทรงพระราชทานนามว่า เนตรนารี เพื่อฝึกให้เด็กหญิงฝึกประพฤติตนไปในทางที่ชอบ และบำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยตั้งเนตรนารีกองแรกขึ้นที่โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง (โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยในปัจจุบัน) เมื่อ พ.ศ.2457 แต่การเนตรนารีก็ยังไม่เป็นรูปธรรมนักเนื่องจากสิ้นรัชกาลเสียก่อน ภายหลังจึงมีการรื้อฟื้นการเนตรนารีขึ้นใหม่ โดยมี สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงเป็นองค์อุปถัมภิกาของการเนตรนารี พร้อมรับรองให้การเนตรนารีเป็นส่วนหนึ่งของการลูกเสือต่อไป แหล่งที่มา: น้องโนเนะ. “แรกมีที่เมืองไทย: เนตรนารี”. Update 27(295); 105; พฤษภาคม 2555.– ( 41 Views)
ฟุตบอล
ในสมัยรัชกาลที่ห้า เมื่อ พ.ศ.2440 มหาเสวกเอก เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นผู้นำกีฬาฟุตบอลเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย กระทั่งกีฬานี้ได้รับความนิยมจนมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลอย่างเป็นทางการขึ้น เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2443 ครั้นเมื่อถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีการก่อตั้งคณะฟุตบอลสำหรับชาติสยาม ใน พ.ศ.2458 และพระองค์ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งสยาม (สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปัจจุบัน) เมื่อ พ.ศ.2459 โดยมี พลเอก พลเรือเอก มหาเสวกเอก เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) เป็นนายกสมาคมฯ คนแรกด้วย แหล่งที่มา: น้องโนเนะ. “แรกมีที่เมืองไทย”: ฟุตบอล”. Update 27(297); 105; กรกฎาคม 2555– ( 32 Views)
ครีมเทียม
แทบทุกครั้งที่ชงกาแฟ โกโก้ หรือเครื่องดื่มบางชนิด เรามักเติมครีมเทียมลงไปเพื่อช่วยให้เครื่องดื่มมีความมัน เพิ่มความหอมหวาน มีรสชาติดีขึ้น ครีมเทียมนี้มีลักษณะเป็นผง ทำขึ้นด้วยส่วนผสมหลักคือ กรดไขมันชนิดทรานส์ (น้ำมันพืชที่เติมไฮโดรเจนลงไป เพื่อแปรรูปกรดไขมันไม่อิ่มตัวให้กลายเป็นกรดไขมันอิ่มตัวสูง), น้ำเชื่อมกลูโคส, โซเดียมเคซิเนต (โปรตีนนม), รวมถึงเจือสีและแต่งกลิ่นสังเคราะห์ ผ่านกระบวบการทำให้แห้งด้วยระบบฉีดพ่นเป็นฝอย (spray drier) ดังนั้น หากรับประทานครีมเทียมปริมาณมาก ๆ และเป็นประจำอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ อาทิ คอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง ตับทำงานผิดปกติ เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจขาดเลือด โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น แหล่งที่มา: น้องโนเนะ. “เคมีรอบบ้าน: ครีมเทียม”. Update 27(297); 105; กรกฎาคม 2555– ( 34 Views)
น้ำตาเทียม
คนที่มีภาวะตาแห้ง, มีความผิดปกติเกี่ยวกับนัยน์ตาา หรือใส่เลนส์สัมผัส (คอนแทกต์เลนส์) เป็นประจำ มักจำเป็นต้องพึ่งน้ำตาเทียมเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตา น้ำตาเทียมนี้เป็นสารสังเคราะห์ที่มีสมบัติคล้ายกับน้ำตาของเรา แบ่งออกเป็นประเภทที่มีและไม่มีสารกันเสีย มีส่วนผสมสำคัญ ได้แก่ ไฮโดรเจล หรือพอลิเมอร์ ที่ช่วยเพิ่มความหนืดให้น้ำตาเทียมเคลือบกระจกตาได้นานขึ้น, บัฟเฟอร์ ช่วยปรับสมดุลให้มีค่าความเป็นกรด-ด่างที่เหมาะสม, ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มสมบัติน้ำตาเทียมให้ใกล้เคียงกับน้ำตา รวมถึงมีการเติมสารกันเสียในน้ำตาเทียมที่ใส่สารกันเสีย ซึ่งช่วยให้เก็บรักษาได้นานขึ้น แม้การใช้น้ำตาเทียมบ่อย ๆ จะไม่เกิดอันตราย (ยกเว้นผู้ที่แพ้สารกันเสีย) แต่ก็ควรหาสาเหตุของปัญหาตาที่แท้จริงนะจ๊ะ แหล่งที่มา: น้องโนเนะ. “เคมีรอบบ้าน: น้ำตาเทียม”. Update 27(298); 105; สิงหาคม 2555 – ( 51 Views)
ธนาคารพาณิชย์
สถาบันการเงินแห่งแรกของไทยนั้นถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ก่อตั้งบุคคลัภย์ ที่ดำเนินการโดยคนไทยขึ้น ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2447 ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งบริษัทแบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด ในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2449 ซึ่งเปิดทำการในอาคารสำนักงานพระคลังข้างที่ (ที่ทำการเดิมของบุคคลัภย์) จังหวัดพระนคร โดยมี พระสรรพการหิรัญกิจ เป็นผู้จัดการ เพื่อดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างเป็นทางการ สำหรับรองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจของไทย และได้เปลี่ยนชื่อเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อ พ.ศ.2482 แหล่งที่มา: น้องโนเนะ. “แรกมีที่เมืองไทย”: ธนาคารพาณิชย์”. Update 27(298); 105; สิงหาคม 2555– ( 36 Views)
The Year in News ความเคลื่อนไหวทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อโลกในปี 2012
เดือนมกราคม ประเทศคาซักสถาน: ภารกิจ Fobo-Grunt ของรัสเซีย มีเป้าหมายในการนำตัวอย่างทดลองไปคืนที่ดาว Phobo ซึ่งเป็นดวงจันทร์บริวาร ของดาวอังคาร แต่ภารกิจล้มเหลว เนื่องกระสวยอวกาศจากไม่สามารถหลุดออกจากวิถีโคจรของโลกได้ วอชิงตัน ดี.ซี.: ฝ่ายบริหารของรัฐบาลโอบามาได้เสนอให้ล้มกระทรวงพาณิชย์และกระจายองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ไปยังหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐบาล นิวเดลี ประเทศอินเดีย: อินเดียฉลองครบรอบหนึ่งปีที่ไม่มีการรายงานพบผู้ป่วยโรคโปลิโอ เดือนกุมภาพันธ์ ทวีปแอนตาร์กติกา: ทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้ขุดเจาะชั้นน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาที่มีความหนาถึง 3,770 เมตร เพื่อไปให้ถึง ผิวหน้าของทะเลสาบ Vostok ที่ถูกฝังอยู่ด้านล่าง เมือง Gran Sasso ประเทศอิตาลี: นักวิทยาศาสตร์ในประเทศอิตาลีได้ประกาศว่าการวางระบบสายไฟที่ผิดพลาดก่อให้เกิดอนุภาคนิวทริ โน (Neutrino) ซึ่งเป็นอนุภาคที่เคลื่อนที่ได้ไวกว่าแสง เดือนมีนาคม มหาสมุทรแปซิฟิก: James Cameron ผู้กำกับชื่อดัง ได้ดำน้ำไปถึงตำแหน่งที่เรียกว่า Challenger Deep เขาเป็นมนุษย์คนแรกที่ดำน้ำโดย ลำพังไปถึงจุดที่ลึกที่สุดของโลก เมือง Bethesda มลรัฐแมรี่แลนด์: คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ระดับชาติเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพ ได้เปลี่ยนการพิจารณาโดยอนุญาตให้มีการตีพิมพ์งานวิจัยสองฉบับที่เป็นที่ถกเถียงกัน โดยงานวิจัยดังกล่าวเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับการกระตุ้นให้เกิดการระบาดของโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อ H5N1
5 ทิศทางของเทคโนโลยีในอนาคตที่ไม่ควรพลาดสำหรับปี 2013
IEEE Computer Society ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือด้าน IT และคอมพิวเตอร์ระดับโลก ได้คาดการณ์ถึงทิศทางของโลกคอมพิวเตอร์ใน อนาคตไว้ โดยมีทิศทาง 5 ด้านดังนี้ 1.Internet of Things (IoT) จะมีความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น Internet of Things (IoT) คือ เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ตู้เย็น โทรทัศน์ และอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยเครื่องมือต่าง ๆ จะสามารถเชื่อมโยงและสื่อสารกันได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต จากการคาดการณ์ ในปี ค.ศ.2020 สิ่งต่าง ๆ กว่าแสนล้านชิ้นจะสามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วยระบบ IoT ผู้บริโภคทั่วไปจะเริ่มคุ้นเคยกับเทคโนโลยีที่ทำให้พวกเขา สามารถควบคุมสิ่งของต่าง ๆ ทั้งจากในบ้าน และสำนักงานหรือจากที่ไหนก็ได้ เช่น การควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน การเปิดปิดไฟ ไปจนถึง การสั่งให้เครื่องทำกาแฟ เริ่มต้นกาแฟ 2.การใช้ภาพและเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้มนุษย์รับมือกับความท้าทายของยุค Big Data ยุคของข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน
มีผู้สำเร็จการศึกษาใหม่กว่าหนึ่งล้านคนภายใต้โปรแกรมการศึกษา STEM ในหนึ่งทศวรรษข้างหน้า
รัฐบาลโอบามาได้ประกาศเพิ่ม ปริมาณเเป้าหมายของนักเรียนที่จะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ให้เป็นจำนวนหนึ่งล้านคนในหนึ่งทศวรรษ และกำหนดเป็นเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่ชื่อว่า Cross-Agency Priority (CAP) goal ซึ่งมุ่งเน้นในการประสานงาน และสนับสนุน หาวิธีการที่ดีที่สุดจากทุกหน่วยงานที่มีส่วนร่วม เพื่อทำภารกิจให้ เสร็จสมบูรณ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ การออกมาประกาศแสดงให้เห็นถึง ความตั้งใจที่จะทำตามคำแนะนำของสภาที่ปรึกษาฯ ของ ประธานาธิบดีว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ประเมินว่า ปริมาณงานทางด้าน STEM จะเติบโตเร็วกว่าด้านอื่นถึง 1.7 เท่า ในช่วงปี ค.ศ.2008-2018 และ เพื่อที่จะมีแรงงานเพียงพอ สหรัฐฯต้องการผู้มีทักษะทาง STEM เพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งล้านคน นอกจากนี้ การมุ่งเน้นในการรักษาจำนวน นักเรียนในช่วงปีแรกของการเรียนในภาควิชาด้าน STEM จะมีความสำคัญมาก เพราะในปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนที่เข้าเรียนด้าน STEM ตั้งแต่ต้น และสำเร็จการศึกษาในสาขา STEM ไม่ถึงร้อยละ 40 หากยังคงรักษาจำนวนนักเรียนไว้ได้ร้อยละ 50 จะสามารถผลิตนักเรียน ที่จบด้าน STEM ได้ถึง 3 ใน 4
Lycopene อาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน
สาร lycopene เป็นสารประกอบที่ทำให้มะเขือเทศเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดง มีคุณสมบัติที่สามารถระงับอาการอักเสบ จำกัดการผลิตคลอ เลสเตอรอล และยับยั้งการแข็งตัวของเลือด แต่สิ่งแรกและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ สาร lycopene เป็นสารแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่ช่วยกำจัดโมเลกุลต่าง ๆ ที่ไม่เสถียร หรืออนุมูลอิสระ (free radicals) ออก จากร่างกาย เนื่องจากอนุมูลอิสระที่มีอยู่ภายในร่างกายสามารถทำให้เกิดการทำลายดีเอ็นเอ ฆ่าเซลล์ โจมตีโปรตีน และส่งเสริมให้เกิด โรคหลอดเลือดได้อีกด้วย นักวิจัย ระบุว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าสาร lycopene มีผลโดยตรงต่อการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอด เลือดสมองตีบตัน จากการศึกษาดูเหมือนว่า ผู้ที่ชื่นชอบรับประทานอาหารจำพวกผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารแคโรทีนอยด์ จะมี ความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองตีบตันน้อยลง แต่ยังมีการทำการศึกษาไม่เพียงพอที่สามารถวิเคราะห์ผล กระทบของสาร lycopene ที่มีต่อความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน Jouni Karppi และคณะนักวิจัยจากๅ University of Eastern Finland เมือง Kuopio ได้ติดตามศึกษากลุ่มผู้ชายจำนวน 1,031
คณะที่ปรึกษาทำเนียบขาวขอให้หน่วยงานวิจัยเปิดรับความท้าทายมากขึ้น
รายงานฉบับล่าสุดโดยคณะที่ปรึกษาทำเนียบประธานาธิบดีขอให้หน่วยงานวิจัยต่าง ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกายอมรับความท้าทายมากขึ้น โดยการสนับสนุนงานวิจัยสหวิทยาการ และงานวิจัยที่มีความเสี่ยงสูง โดยใช้นักวิจัยที่มีศักยภาพหรือมีภาพรวมผลการดำเนินงานที่น่าเชื่อถือ รายงาน PCAST ฉบับใหม่ที่ชื่อว่า Transformation and Opportunity: The Future of the U.S. Research Enterprise (การปฏิรูปและโอกาสกับอนาคตขององค์กรวิจัยในสหรัฐฯ) ได้เสนอข้อแนะนำ 17 ข้อ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนเพื่อการวิจัย จำนวน 450 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ไม่ว่าจากภาครัฐหรือเอกชน และการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น แนวทางการปฏิบัติส่วนใหญ่ คือ การลดภาระของมหาวิทยาลัย การเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคผลิต การพัฒนาการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ และการรับประกันการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์จากรัฐบาล– ( 34 Views)