สำหรับใครที่กำลังมองหาของขวัญให้แก่เด็กๆ ในเทศกาลแสนพิเศษทั้งคริสมาสต์ ปีใหม่ รวมถึงวันเด็กที่กำลังใกล้เข้ามา ไม่ควรพลาด ‘Para Dough (พาราโด)’ ผลิตภัณฑ์ของเล่นยางสำหรับปั้น มีลักษณะคล้ายดินน้ำมัน แต่ปลอดภัย ไร้กลิ่น ปราศจากสารเคมีอันตราย ผลิตจาก ‘ยางพารา’ พืชเศรษฐกิจของไทย ผลงานวิจัย โดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ปัจจุบันพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับอุตสาหกรรม หนุนตีตลาดของเล่นทางเลือกเพื่อสุขภาพระดับโลก
![](https://www.nstda.or.th/home/wp-content/uploads/2021/12/7.-Sci-Update_Para-Dough_3-09.png)
คุณกรรณิกา หัตถะปะนิตย์ นักวิจัยกลุ่มวิจัยนวัตกรรมการแปรรูปยาง (IRM) เอ็มเทค อธิบายว่า Para Dough เป็นผลิตภัณฑ์ของเล่นแป้งปั้นหรือโด (Dough) ผลิตขึ้นจากยางพาราชนิดยางแท่งและยางแผ่น ซึ่งนำมาผ่านกระบวนการปรับลักษณะทางกายภาพให้มีสมบัติความหนืดที่เหมาะสม ก่อนนำมาผสานรวมเข้ากับสารจากธรรมชาติอื่นๆ อาทิ แป้งประกอบอาหาร น้ำมันพืช และสี
“Para Dough มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างกลูเตนจากแป้งสาลีและสารเคมีที่เป็นอันตราย ไม่มีโลหะหนักเป็นส่วนประกอบ ไม่มีส่วนผสมของสารกันบูด อีกทั้งยังสามารถฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียก่อนและหลังการเล่นด้วยการฉีดพ่นแอลกอฮอล์แล้วนวดก้อนแป้งจนแอลกอฮอล์ระเหยโดยไม่ทำให้โดเสียสภาพ นอกจากนี้ Para dough ยังไม่มีกลิ่น ไม่แห้งแข็งและไม่ละลายเยิ้มเมื่อวางไว้ภายนอกบรรจุภัณฑ์อีกด้วย
Para Dough สามารถเก็บในบรรจุภัณฑ์ได้อย่างน้อย 2 ปี มีอายุการใช้งานหลังแกะบรรจุภัณฑ์อย่างน้อย 1 ปี หากไม่สัมผัสน้ำหรือความชื้น และภายหลังหมดอายุการใช้งานสามารถทิ้งผลิตภัณฑ์ลงในถังขยะเปียก เพราะย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่สร้างมลพิษแก่สิ่งแวดล้อม”
![](https://www.nstda.or.th/home/wp-content/uploads/2021/12/7.-Sci-Update_Para-Dough_3-10.png)
ดร.ปณิธิ วิรุณห์พอจิต นักวิจัยกลุ่มวิจัย IRM เอ็มเทค เสริมว่าผลิตภัณฑ์ Para Dough เหมาะแก่ผู้ที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป สามารถใช้เป็นของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก กระตุ้นให้เกิดการฝึกใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine motor) พัฒนาทักษะการทำงานประสานกันระหว่างตาและมือ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง และทักษะความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังเหมาะแก่การใช้เป็นอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมศิลปะบำบัด เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมอง รวมถึงช่วยบำบัดให้เกิดความผ่อนคลาย กล่าวได้ว่า Para Dough เป็นแป้งปั้นที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
“ด้วยจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ ทำให้ Para Dough มีโอกาสเข้าถึงตลาดส่งออกหลักของไทย ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ของเล่นเสริมพัฒนาการ ที่มีความปลอดภัยสูง และได้มาตรฐานสากล โดยตามการรายงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการส่งออกผลิตภัณฑ์ของเล่นสูง ซึ่งเมื่อกลางปี 2564 ที่ผ่านมามีการคาดประมาณว่าในปี 2564 ไทยจะมีตัวเลขมูลค่าการส่งออกของเล่นรวมสูงถึง 220 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เนื่องจากการขยายตัวของตลาดออนไลน์[1]
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ ปัจจุบันเอ็มเทคพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต Para Dough ในระดับอุตสาหกรรม โดยเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตมีราคาไม่สูง เนื่องจากใช้เครื่องจักรทั่วไปในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร รวมถึงใช้วัตถุดิบที่ผลิตและจำหน่ายทั่วไปในประเทศ นอกจากนี้ทีมวิจัยยังพร้อมร่วมทำวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย เช่น การปรับระดับความแข็งและความคงรูปของผลิตภัณฑ์สำหรับการใช้ในงานประเภทอื่นๆ อาทิ การทำเป็นดินปั้นสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องประดับหรือของตกแต่งบ้าน
การพัฒนา Para Dough มีส่วนช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพาราไทยได้สูง 5-6 เท่า ถือเป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น และเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเสริมการใช้ประโยชน์จากยางพาราไทย ส่งเสริมการยกระดับสินค้าการเกษตรไทยตามโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (BCG Economy Model) ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ที่มุ่งใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียกระดับเศรษฐกิจฐานชีวภาพ สร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”
ปัจจุบัน สวทช. ได้นำร่องผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Para Dough ต้นแบบแล้วที่ศูนย์หนังสือ สวทช. ในราคา 99 บาท ปริมาณ 240 กรัม หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ http://nstdabookstore.lnwshop.com/p/214 นอกจากผลิตภัณฑ์ Para Dough แล้ว นักวิจัยยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Para Note และ Para Sand ซึ่งพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้วเช่นกัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://www.nstda.or.th/home/news_post/para-plearn/
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีได้ที่
งานประสานธุรกิจและอุตสาหกรรม เอ็มเทค สวทช.
โทรศัพท์: 0 2564 6500 ต่อ 4782-4789
E-mail: BDD-IBL@mtec.or.th
รายละเอียดเพิ่มเติม
[1]ตลาดที่ประเทศไทยส่งออกสินค้าประเภทของเล่นเป็นหลัก คือ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น รวมกันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57.30 ส่วนตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูง คือ เกาหลีใต้ร้อยละ 964.90 ฟิลิปปินส์ร้อยละ 105.89 และรัสเซียร้อยละ 73.22 โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มอย่างน่าสนใจ คือ ของเล่นที่มีล้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.58 และของเล่นประเภทอื่นๆ ร้อยละ 20.16 ซึ่งจุดแข็งที่ทำให้ของเล่นไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดสากลคือเป็นผลิตภัณฑ์ของเล่นที่มีความปลอดภัยสูง เป็นของเล่นเสริมพัฒนาการ ได้มาตรฐานสากล และมีคุณภาพของสินค้าที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน