กรมการข้าว ร่วมกับ สวทช.เปิดหมู่บ้านส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ข้าว
ณ ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง
13 มิถุนายน 2559 : กรมการข้าว ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โครงการหมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวปี 2559” ณ หมู่ที่ 6 ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งนับเป็นหมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวแห่งที่ 21 และเป็นแห่งแรกในพื้นที่ภาคใต้ จากการดำเนินโครงการ “การส่งเสริมระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี” ที่เริ่มต้นตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ของศูนย์ข้าวชุมชน การอบรมผู้ตรวจประเมินคุณภาพแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ และการอบรมการตรวจวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวเบื้องต้น ทำให้สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี เพิ่มปริมาณเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองให้เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร ส่งผลต่อข้าวไทยทุกเมล็ดให้มีคุณภาพสูงขึ้น เกิดอาชีพเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว และก่อเกิดธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ยั่งยืนต่อไป
ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปี 60.21 ล้านไร่ และพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง 13.12 ล้านไร่ ทำให้มีความต้องการเมล็ดพันธุ์เพื่อการเพาะปลูกปีละประมาณ 1.1 ล้านตัน ในอัตราเฉลี่ยที่ใช้เพาะปลูก 15 กิโลกรัมต่อไร่ โดยมีภาครัฐและผู้ประกอบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวได้ประมาณ 600,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็น 55% และชาวนาบางส่วนเก็บเมล็ดพันธุ์ เพื่อใช้ปลูกเองอีกประมาณ 300,000 ตัน หรือคิดเป็น 27% ทำให้ชาวนามีความต้องการซื้อหาเมล็ดพันธุ์ข้าวอีกประมาณ ปีละ 200,000 ตัน หรือคิดเป็น 18% ของเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2557 กรมการข้าว ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) จึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว คุณภาพดี เพื่อเพิ่มศักยภาพของสมาชิกในหมู่บ้านผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ชมรมและสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว และศูนย์ข้าวชุมชนให้สามารถเป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง และกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เกษตรกรในพื้นที่ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกร
ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมข้าว โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีความร่วมมือกับกรมการข้าวและมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการใช้เทคโนโลยีด้านจีโนมในการพัฒนาพันธุ์ข้าวนาน้ำฝนและนาชลประทานให้มีเสถียรภาพในการให้ผลผลิต โดยเพิ่มความต้านทานโรคและแมลงที่สำคัญ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต โดยร่วมกับกรมการข้าว อาทิ การใช้เทคโนโลยีไอทีหรือพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาคเกษตร เช่น การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการเกษตรไทยแบบพกพา หรือ TAMIS เพื่อช่วยในการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและการตรวจประเมินคุณภาพข้าวไทย สำหรับใช้ติดตามผลการปลูก ประมาณการช่วงเวลาผลผลิตที่พร้อมเก็บเกี่ยว การบูรณาการข้อมูลและสร้างแบบจำลองการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านการเกษตร จะช่วยสนับสนุนการทำโซนนิ่งภาคการเกษตรให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยการบูรณาการข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินในการเพาะปลูก ข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์ด้านราคา แหล่งรับซื้อ มีการสร้างโมเดลที่ช่วยในการกำหนดพื้นที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อทดแทนพื้นที่ปลูกข้าวบริเวณที่ดินไม่เหมาะสมต่อการปลูกข้าวและขาดทุนอยู่ในปัจจุบัน และเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ Agri-Map แผนที่บริหารจัดการเชิงรุกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การพัฒนาโปรแกรมตรวจวัดสีใบข้าว แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนสำหรับคำนวณหาปริมาณปุ๋ยไนโตรเจนและโพแทสเซียมที่เหมาะกับความต้องการของต้นข้าว โปรแกรมการคำนวณการผสมปุ๋ยเคมีให้ได้ปุ๋ยผสมตามสูตรที่มีธาตุอาหารหลัก N, P, K ที่ต้องการ การพัฒนาเครื่องมืออุปกรณ์และเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตในภาคเกษตร เช่น เครื่องสีข้าวชุมชน การพัฒนาสารชีวภัณฑ์เพื่อควบคุมโรคและแมลงศัตรู เพื่อการผลิตที่ปลอดภัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
สำหรับปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี เนื่องจากขาดความเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต และผู้จำหน่าย รวมถึงความนิยมในการเลือกใช้พันธุ์ข้าวของเกษตรกรที่มีการเปลี่ยนแปลงแทบทุกปี ตลอดจนระบบการควบคุมคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวในแปลง และการตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์เบื้องต้น ยังขาดผู้เชี่ยวชาญ จำเป็นต้องสร้างผู้ตรวจแปลงและผู้ตรวจวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์ให้เพียงพอต่อความต้องการ สวทช. เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้สนับสนุนงบประมาณให้กรมการข้าวดำเนินการ 4 กิจกรรม ได้แก่
กิจกรรมที่ 1 การเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ของศูนย์ข้าวชุมชน จำนวน 60 แห่ง
กิจกรรมที่ 2 การอบรมผู้ตรวจประเมินคุณภาพแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์จำนวน 130 คน
กิจกรรมที่ 3 การอบรมการตรวจวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวเบื้องต้น จำนวน 70 คน
กิจกรรมที่ 4 การจัดตั้งหมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว 1 แห่ง
นอกจากนี้ สวทช. ที่สนับสนุนเครื่องคัดและทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ข้าว และเครื่องมือและอุปกรณ์ในการวิเคราะห์คุณภาพเมล็ดพันธุ์ ทำให้เกิดการจัดตั้งหมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ในวันนี้ หมู่บ้านส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว จ.พัทลุง มีเกษตรกร จำนวน 50 ราย พื้นที่การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว 500 ไร่ โดยมีแผนการผลิตเมล็ดพันธุ์ พันธุ์ กข49 ชัยนาท 1 และพันธุ์ปทุมธานี 1 จำนวน 250 ตัน เพื่อกระจายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ จ.พัทลุง และพื้นที่ใกล้เคียงต่อไป