หน้าแรก ‘MicroWash-V’ ผลิตภัณฑ์ล้างผักและผลไม้ บริโภคปลอดภัยใน 5 นาที
‘MicroWash-V’ ผลิตภัณฑ์ล้างผักและผลไม้ บริโภคปลอดภัยใน 5 นาที
18 ก.ค. 2567
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการผลิตพืชผลทางการเกษตรในระดับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงศัตรูพืชและเชื้อก่อโรค จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการควบคุมคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐาน ซึ่งหากผู้ประกอบการหรือเกษตรกรวางแผนการใช้สารเคมีอย่างเหมาะสม สารเคมีเหล่านั้นจะสลายไปตามธรรมชาติจนหลงเหลือในระดับต่ำหรือไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตามผลการทดสอบคุณภาพโดยหน่วยวิจัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทยได้สะท้อนความจริงออกมาแล้วว่า ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายตามท้องตลาดไทยมีค่าสารเคมีตกค้างเกินกว่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Levels: MRL)

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับบริษัท อากรีว่า จำกัด พัฒนา ‘MicroWash-V (ไมโครวอชวี) ผลิตภัณฑ์ล้างผักและผลไม้ กำจัดสารเคมีและสิ่งสกปรกตกค้างได้ใน 5 นาที

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการผลิตพืชผลทางการเกษตรในระดับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงศัตรูพืชและเชื้อก่อโรค จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการควบคุมคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐาน ซึ่งหากผู้ประกอบการหรือเกษตรกรวางแผนการใช้สารเคมีอย่างเหมาะสม สารเคมีเหล่านั้นจะสลายไปตามธรรมชาติจนหลงเหลือในระดับต่ำหรือไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตามผลการทดสอบคุณภาพโดยหน่วยวิจัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทยได้สะท้อนความจริงออกมาแล้วว่า ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายตามท้องตลาดไทยมีค่าสารเคมีตกค้างเกินกว่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Levels: MRL)

ภัยสารเคมีตกค้าง ยากจะหลีกเลี่ยง

         การผลิตพืชผลทางการเกษตรเชิงพาณิชย์มักใช้สารเคมีหลายชนิดเพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืชและป้องกันโรคพืช โดยสารเคมี 4 กลุ่มที่ใช้งานมากและพบตกค้างได้บ่อยครั้ง คือ สารกลุ่มออร์แกโนคลอรีน ออร์แกโนฟอสเฟต คาร์บาเมต และไพรีทรอยด์ ซึ่งหากผู้บริโภคได้รับสารเหล่านี้อย่างต่อเนื่องในระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจนถึงแก่ชีวิตได้

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการผลิตพืชผลทางการเกษตรในระดับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงศัตรูพืชและเชื้อก่อโรค จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการควบคุมคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐาน ซึ่งหากผู้ประกอบการหรือเกษตรกรวางแผนการใช้สารเคมีอย่างเหมาะสม สารเคมีเหล่านั้นจะสลายไปตามธรรมชาติจนหลงเหลือในระดับต่ำหรือไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตามผลการทดสอบคุณภาพโดยหน่วยวิจัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทยได้สะท้อนความจริงออกมาแล้วว่า ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายตามท้องตลาดไทยมีค่าสารเคมีตกค้างเกินกว่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Levels: MRL)
คุณบุญเลี้ยง เศรษฐกสิวิทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อากรีว่า จำกัด

 

คุณบุญเลี้ยง เศรษฐกสิวิทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อากรีว่า จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตรและเมล็ดพันธุ์พืชสะท้อนว่า สารเคมีทางการเกษตรที่ใช้อยู่ทั่วไปในปัจจุบันผ่านการพัฒนาสูตรให้มีโครงสร้างซับซ้อนมากขึ้นโดยตลอด เพื่อรับมือกับปัญหาแมลงศัตรูพืชดื้อยาและสภาพอากาศที่แปรปรวนเป็นอย่างมาก ผลที่ตามมาคือหากขาดการใช้สารเคมีอย่างเหมาะสม สารเคมีเหล่านี้จะตกค้างอยู่ในผลผลิตทางการเกษตร ไม่สามารถกำจัดออกโดยการใช้น้ำสะอาดเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องนำผักและผลไม้ไปแช่ในสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างเพื่อสลายโครงสร้างของสารเคมี เช่น การแช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู ด่างทับทิม ผงฟู เป็นเวลาอย่างน้อย 10-15 นาที ก่อนนำผักและผลไม้เหล่านั้นไปล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ซึ่งการชำระล้างด้วยวิธีนี้จะช่วยลดสารตกค้างได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้สารบางชนิดมีฤทธิ์การกัดกร่อนที่ค่อนข้างรุนแรง ผู้ใช้สารประเภทนี้จะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และการแช่ผักและผลไม้ในสารละลายประเภทดังกล่าวเป็นเวลานานอาจส่งผลให้สีและรสชาติเปลี่ยนแปลงไปได้

“เพื่อให้การล้างผักทำได้ง่าย ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวมากยิ่งขึ้น บริษัท อากรีว่า จำกัด ได้ร่วมกับนาโนเทค สวทช. พัฒนาผลิตภัณฑ์ล้างผักและผลไม้ภายใต้ชื่อแบรนด์ MicroWash-V ขึ้น การใช้งานผลิตภัณฑ์ทำได้ง่ายเพียงผสมผลิตภัณฑ์ในอัตรา 5 ซีซี (กด 1-2 ปั๊ม หรือปริมาณ 1 ช้อนชา) ต่อน้ำ 1 ลิตร นำผักผลไม้ไปแช่ไว้ 3-5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผลิตภัณฑ์จะช่วยชำระล้างสารเคมีตกค้างออกได้ถึงร้อยละ 95 โดยไม่ทำให้ผักมีสีและรสชาติเปลี่ยนแปลงไป การใช้งานที่ง่ายและใช้เวลาสั้นจะช่วยให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องการชำระล้างสารเคมีก่อนการบริโภคผลิตผลทางการเกษตรมากยิ่งขึ้น ทำให้ผักและผลไม้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ 1 ขวด มีปริมาตร 400 มิลลิลิตร มีอายุการใช้งานยาว 2 ปี”

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการผลิตพืชผลทางการเกษตรในระดับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงศัตรูพืชและเชื้อก่อโรค จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการควบคุมคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐาน ซึ่งหากผู้ประกอบการหรือเกษตรกรวางแผนการใช้สารเคมีอย่างเหมาะสม สารเคมีเหล่านั้นจะสลายไปตามธรรมชาติจนหลงเหลือในระดับต่ำหรือไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตามผลการทดสอบคุณภาพโดยหน่วยวิจัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทยได้สะท้อนความจริงออกมาแล้วว่า ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายตามท้องตลาดไทยมีค่าสารเคมีตกค้างเกินกว่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Levels: MRL)

 

MicroWash-V นวัตกรรมเพื่อสุขภาพคนไทย

         ทำอย่างไรจึงจะทำความสะอาดผักและผลไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะเวลาสั้น ใช้งานง่าย และสะดวก คือ โจทย์สำคัญที่ผู้ประกอบการมอบให้กับนักวิจัยนาโนเทค สวทช.

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการผลิตพืชผลทางการเกษตรในระดับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงศัตรูพืชและเชื้อก่อโรค จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการควบคุมคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐาน ซึ่งหากผู้ประกอบการหรือเกษตรกรวางแผนการใช้สารเคมีอย่างเหมาะสม สารเคมีเหล่านั้นจะสลายไปตามธรรมชาติจนหลงเหลือในระดับต่ำหรือไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตามผลการทดสอบคุณภาพโดยหน่วยวิจัยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทยได้สะท้อนความจริงออกมาแล้วว่า ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายตามท้องตลาดไทยมีค่าสารเคมีตกค้างเกินกว่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Levels: MRL)
ดร.คมสันต์ สุทธิสินทอง นักวิจัยทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตและเวชสำอาง นาโนเทค สวทช.

 

ดร.คมสันต์ สุทธิสินทอง นักวิจัยทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตและเวชสำอาง นาโนเทค สวทช. อธิบายว่า จากโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ ทีมวิจัยได้นำความเชี่ยวชาญด้านการกักเก็บสารออกฤทธิ์ในอนุภาคระดับนาโนมาพัฒนาสารไมโครอิมัลชัน (microemulsion) ขนาด 10-100 นาโนเมตร ที่มีสารประกอบกรดอินทรีย์และสารลดแรงตึงผิวหลายชนิดเป็นส่วนประกอบขึ้น เพื่อให้สารชนิดนี้สามารถชำระล้างสารเคมีที่มักพบตกค้างในผลิตผลทางการเกษตร จุลินทรีย์ก่อโรคประเภทเชื้อราและแบคทีเรีย รวมถึงสารเคลือบผิวผลไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยสารประกอบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์​ เป็นสารอินทรีย์ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารได้จึงมีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง

โดยคุณบุญเลี้ยงได้กล่าวเสริมว่า ภายหลังจากทีมวิจัยนาโนเทคพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต MicroWash-V จนประสบความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมวิจัยยังคงอยู่เคียงข้างกับผู้ประกอบการในทุกขั้นตอนสำคัญ ทั้งการขยายกำลังการผลิตสู่ระดับอุตสาหกรรม การจัดเตรียมข้อมูลสำหรับใช้ในการขออนุญาตสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ รวมไปถึงการช่วยกำหนดแนวทางในการทดสอบความพึงพอใจของผู้บริโภค เพื่อนำผลที่ได้มาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น จนปัจจุบันบริษัทสามารถนำผลิตภัณฑ์ MicroWash-V ไปจำหน่ายในตลาดผลิตภัณฑ์ทางเลือกเพื่อสุขภาพได้เรียบร้อยแล้ว

“แม้ขั้นตอนการดำเนินงานหลักทั้งหมดจะเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดหนักในประเทศไทย ทำให้การดำเนินงานหลายด้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ทีมวิจัยก็ยังคงตั้งใจดำเนินงานจนประสบความสำเร็จ และช่วยดูแลจนผลงานวิจัยขยายผลไปสู่การผลิตและจำหน่ายได้จริง บริษัทจึงรู้สึกประทับใจในการดำเนินงานร่วมกับทีมวิจัยนาโนเทค สวทช. เป็นอย่างมาก และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมทำวิจัยกับ สวทช. ในโอกาสต่อ ๆ ไป”​ คุณบุญเลี้ยงกล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์​ MicroWash-V ติดต่อสอบถามได้ที่บริษัท อากรีว่า จำกัด เบอร์โทรศัพท์ 02 510 4430 หรือ 095 802 2728

 

BCG Economy Model

 


เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์คโดย ภัทรา สัปปินันทน์
ภาพประกอบโดย ภัทรา สัปปินันทน์ และ shutterstock

แชร์หน้านี้: