หน้าแรก คณะผู้บริหารหน่วยงานภายใต้กระทรวง อว. เยือน A*STAR สิงคโปร์ มุ่งสร้างความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระดับภูมิภาค

คณะผู้บริหารหน่วยงานภายใต้กระทรวง อว. เยือน A*STAR สิงคโปร์ มุ่งสร้างความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระดับภูมิภาค

30 ม.ค. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

(เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568) ศาสตราจารย์ ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการ คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เดินทางเยือนสำนักงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิจัยแห่งสิงคโปร์ (Agency for Science, Technology and Research: A*STAR) ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม พร้อมเปิดโอกาสในการพัฒนางานวิจัยร่วมกันระหว่างสองประเทศ

การประชุมจัดขึ้นที่ Singapore Institute of Food and Biotechnology Innovation (SIFBI) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยชั้นนำที่มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ โดยครอบคลุมการสร้างผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ การผลิตที่ยั่งยืน และการใช้จุลินทรีย์ในกระบวนการผลิต ฝ่ายสิงคโปร์ นำโดย Mr. Beh Kian Teik Chief Executive Officer ของ A*STAR พร้อมด้วย Dr. Tan Sze Executive Director ของสถาบันนวัตกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งสิงคโปร์ (Singapore Institute of Food & Biotechnology Innovation) Ms. Tay Chay Wah Executive Director, A*STAR และ Mr.Joseph Tan Director, International Partnerships Office, A*STAR

Mr. Beh Kian Teik กล่าวถึง Food Tech Innovation Centre (FTIC) มีเป้าหมายสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงนักวิจัย ผู้ประกอบการ และนักลงทุน เพื่อพัฒนานวัตกรรมอาหารที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนและสนับสนุนการขยายตัวในตลาดเอเชียอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังได้มีการหารือความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาที่เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเฉพาะด้านอาหาร รวมทั้งการสนับสนุนโครงการ Talent Mobility เพื่อแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และนักศึกษาระหว่างสองประเทศ

นอกจากนี้ คณะผู้บริหารยังได้เยี่ยมชม Food Technology Innovation Centre (FTIC) ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีอาหารที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนานวัตกรรม เช่น การแปรรูปอาหาร การสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดขยะอาหาร

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ได้ใช้โอกาสนี้กล่าวในที่ประชุม ถึงศักยภาพของศูนย์บริการเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหาร (FoodSERP: (Service Platform for Food & Functional Ingredients) และเมืองนวัตกรรมอาหาร (FoodInnopolis: Food Innovation City) ของ สวทช. ที่สามารถเชื่อมโยงโครงการวิจัยของไทยกับนานาชาติ เช่น A*STAR ว่า ปัจจุบัน บทบาทสำคัญในระบบนิเวศการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย FoodSERP ให้บริการครบวงจรแก่ผู้ประกอบการ ตั้งแต่การวิเคราะห์คุณภาพอาหารไปจนถึงการปรับปรุงกระบวนการผลิต ขณะที่ FoodInnopolis เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการและนักวิจัยเข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างนวัตกรรมอาหารที่ตอบโจทย์ตลาดโลก

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ระบุว่าโครงการเหล่านี้มีศักยภาพสูงที่จะร่วมมือกับ SIFBI และ FTIC ของ A*STAR ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น การสร้างโปรตีนทางเลือก การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน และการส่งเสริมความปลอดภัยทางอาหาร ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารในภูมิภาคเอเชีย

ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. สายงานบริหารการวิจัยและพัฒนา ได้กล่าวถึง ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาบุคลากรและโครงการวิจัยที่ยั่งยืนว่า สวทช. ได้มีบันทึกความร่วมมือกับ A*STAR ในการคัดเลือกนักศึกษาไทยเข้าร่วมรับโครงการทุน Singapore International Graduate Award (SINGA) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สวทช. และ A*STAR ช่วยให้นักวิจัยรุ่นใหม่ของไทยมีโอกาสทำงานในศูนย์วิจัยระดับโลก ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ที่พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ โดยในปี 2567 มีนักศึกษาไทยได้รับทุน SINGA จำนวน 5 คน
การเยือนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการสร้างความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ไม่เพียงช่วยยกระดับศักยภาพของบุคลากรและงานวิจัย แต่ยังส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในระยะยาว “ความร่วมมือนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยและสิงคโปร์เติบโตอย่างยั่งยืน และพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต” ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าวปิดท้าย

• เยือน CREATE สร้างความร่วมมือด้าน วทน. ไทย-สิงคโปร์

นอกจากนี้ คณะได้เดินทางเยือน Campus for Research Excellence and Technological Enterprise (CREATE) ซึ่งดำเนินการโดย National Research Foundation (NRF) ประเทศสิงคโปร์ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พร้อมเปิดโอกาสในการพัฒนางานวิจัยร่วมกันระหว่างสองประเทศ โดยมีตัวแทนจาก NRF ได้แก่ Professor Tan Chorh Chuan (Chief Health Scientist และประธาน CREATE) และ Dr. John Lim (Chief Executive Officer, NRF) เข้าร่วมหารือในครั้งนี้

การประชุมหารือที่สร้างโอกาสระดับภูมิภาค ได้เน้นย้ำถึง 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ความริเริ่มด้านการวิจัยหลักของสิงคโปร์ การแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านโปรแกรมระดับชาติ และการสำรวจโอกาสในการสร้างความร่วมมือระยะยาว โดยการหารือมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความสอดคล้องระหว่างนโยบายและการดำเนินการของทั้งสองประเทศ
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ได้กล่าวถึงนโยบายและแนวทางของ สวทช. ที่สอดคล้องกับการดำเนินการของ NRF โดยเน้นย้ำว่าทั้งสองหน่วยงานมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาสังคมและผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตัวอย่างที่สำคัญ ได้แก่ การสนับสนุนงานวิจัยที่ตอบโจทย์ความท้าทายระดับโลก เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัม การส่งเสริม AI และการใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อความยั่งยืน การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในอุตสาหกรรม การพัฒนากำลังคนและบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านโครงการความร่วมมือระดับนานาชาติ เช่น โครงการทุน Singa และการฝึกอบรมเชิงลึก

Professor Tan Chorh Chuan จาก NRF ได้กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่าง NRF และองค์กรของไทย เช่น สวทช. และ TSRI เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการพัฒนานวัตกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแก้ปัญหาสังคมในระยะยาว” การหารือยังมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนแนวทางระหว่าง TSRI, NXPO, NSTDA, และ NRF โดยสำรวจว่าทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันอย่างไรในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม อาทิ การพัฒนาโปรแกรมวิจัยที่รองรับความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง

ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากความร่วมมือ การเยือน CREATE ครั้งนี้ไม่เพียงแค่เปิดโอกาสในการพัฒนางานวิจัยที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติของทั้งสองประเทศ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในระดับภูมิภาค ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นโยบายของ สวทช. ไม่เพียงเน้นการพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพสูง แต่ยังมุ่งสร้างความเชื่อมโยงระหว่างนวัตกรรมและผลลัพธ์ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในเชิงบวก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ NRF อย่างชัดเจน ความร่วมมือนี้จะช่วยผลักดันให้ทั้งสองประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในเวทีโลก”

แชร์หน้านี้: