หน้าแรก สวทช. เปิดเวทีใหญ่แห่งปี “NAC2025” ผนึกพลังวิจัย ‘ขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย AI’ 26-28 มีนาคมนี้ ที่ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย

สวทช. เปิดเวทีใหญ่แห่งปี “NAC2025” ผนึกพลังวิจัย ‘ขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย AI’ 26-28 มีนาคมนี้ ที่ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย

25 ก.พ. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพถ่ายรวมผู้บริหารและนักวิจัยที่ร่วมแถลงข่าว การจัดการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 20

ภาพถ่ายรวมผู้บริหาร sน่วยงานพันธมิตร และนักวิจัยที่ร่วมแถลงข่าว การจัดการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 20 ภาพถ่ายรวมผู้บริหาร sน่วยงานพันธมิตร และนักวิจัยที่ร่วมแถลงข่าว การจัดการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 20

(25 กุมภาพันธ์ 2568) ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.): ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) พร้อมด้วยทีมนักวิจัย สวทช. ภายใต้กระทรวง อว. และหน่วยงานพันธมิตร ร่วมงานแถลงข่าวการจัดการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 20 (20th NSTDA Annual Conference: NAC2025) ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย AI เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน: AI-driven Science and Technology for Sustainable Thailand” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 มีนาคม 2568 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

ภาพศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ถ่ายอยู่หน้าฉากที่สีสันสดใส มีผีเสื้อและอักษร AI เป็นสัญลักษณ์ประจำการจัดงานครั้งนี้

ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สวทช. เป็น “ขุมพลังหลักของประเทศ” ในการขับเคลื่อนการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน หรือ S&T Implementation for Sustainable Thailand ด้วยตระหนักดีว่า วทน. เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเป็นขุมพลังในการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยอย่างทั่วถึง และสร้างความเข้มแข็งและศักยภาพในการแข่งขันให้กับประเทศ

การจัดงานประชุมวิชาการประจำปี สวทช. (NSTDA Annual Conference: NAC) จึงเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญที่ สวทช. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นเวทีระดับประเทศในการนำเสนอความก้าวหน้าทาง วทน. ที่ สวทช. และเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันพัฒนาขึ้นเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย ซึ่งในปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย AI เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน”(AI-driven Science and Technology for Sustainable Thailand) เพื่อนำเสนอองค์ความรู้ งานวิจัยและพัฒนาด้าน AI แนวทางการบูรณาการเข้ากับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแขนงต่าง ๆ ภายใต้การดำเนินงานของ 5 ศูนย์วิจัยแห่งชาติภายใต้สังกัด สวทช. ได้แก่ BIOTEC, MTEC, NECTEC, NANOTEC และ ENTEC เพื่อประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชน รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนด้าน AI เพื่อรองรับความต้องการตลาดแรงงานและสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสอดคล้องกับนโยบาย อว.For AI ของกระทรวง อว.

ภาพศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) บรรยายอยู่บนเวที ฉากหลังเป็นภาพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

“ในโอกาสนี้ สวทช. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิดการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 20 และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” ในวันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม 2568 เวลา 09.00-14.00 น.

ภาพศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) บรรยายอยู่บนเวที ภาพแสดงถึงรายละเอียดการจัดงาน

นอกจากนี้ไฮไลต์สำคัญของปีนี้ยังมีการสัมมนาพิเศษ “Decoding Thailand’s AI Future: Strategy for Competitive Edge ” (วันที่ 26 มีนาคม 2568) ซึ่ง สวทช. ผนึกกำลังกับ Techsauce เชิญวิทยากรชั้นนำของประเทศมาร่วมถอดรหัสและวางยุทธศาสตร์เส้นทางสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่การวางรากฐานนโยบาย ค้นหาโอกาส Quick Win ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เรียนรู้บทเรียนจากทั่วโลกเพื่อกำหนดทิศทางที่เหมาะสมกับไทย เจาะลึกปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านกรณีศึกษาจากภาคธุรกิจชั้นนำ รวมถึงตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI จริงในภาคส่วนต่าง ๆ ผ่านผลงานวิจัย สวทช.” ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว

ภาพดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) มีฉากหลังเป็นผีเสื้อและ ai ที่เป็นสัญลักษณ์หลักของงานในครั้งนี้

ด้าน ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า ในยุคที่ AI มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคม การพัฒนา AI Ecosystem อย่างเข้มแข็ง เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความเป็นผู้นำด้าน AI ในระดับภูมิภาคและระดับโลก ดังนั้นการจัดงานประชุม NAC2025 ถือเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันระบบนิเวศ AI ของไทย ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่ยังเปิดโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต และเตรียมความพร้อมให้ทุกภาคส่วนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การพัฒนา AI Ecosystem ของประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคจะเกิดผลสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้แก่ 1. จริยธรรม AI 2. โครงสร้างพื้นฐาน 3. การพัฒนาบุคลากร 4. วิจัยและนวัตกรรม และ 5. การส่งเสริมธุรกิจ AI อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง เพื่อทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง AI ในระดับภูมิภาคได้อย่างมั่นคง แข็งแกร่งและเกิดความยั่งยืนได้ในอนาคตอันใกล้

ภาพการร่วมแถลงข่าวจากผู้บริหารของ Techsauce ผ่านทาง Online ภาพดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย และทีมนักวิจัย สวทช. จำนวน 4 ท่าน ร่วมแถลงข่าวบนเวที

ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอด 3 วันของการจัดงาน NAC2025 ผู้เข้าชมงานทุกท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของงานประชุมวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ครบรส โดยมุ่งเน้นการนำเสนอศักยภาพ ของ สวทช. ผ่านผลงานวิจัยในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่

สัมมนาวิชาการ 40 หัวข้อ  ซึ่งเป็นเวทีการอภิปรายและบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้ AI ในการพัฒนาภาคเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ภาพนักวิจัย สวทช. ที่บูธ Pathumma LLM โมเดล AI ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเข้าใจบริบทและวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้ง ภาพนักวิจัย สวทช. ที่บูธ Genomics Medicine การใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านพันธุกรรมมนุษย์
ภาพนักวิจัย สวทช. ที่บูธการประยุกต์ใช้ AI เพื่อตรวจวัดและระบุไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำ ภาพนักวิจัย สวทช. ที่บูธ Hydrogen Economy เทคโนโลยีไฮโดรเจนแบบองค์รวม
ภาพนักวิจัย สวทช. ที่บูธ Gunther อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และแอปพลิเคชัน Janine ภาพ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย และผู้บริหารท่านอื่น ร่วมชมบูธแนะนำผลงาน

นิทรรศการกว่า 100 บูท ที่จัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร ที่เน้นการพัฒนา AI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมของประเทศ ทั้งนี้ภายในงานแถลงข่าวยังมีการนำเสนอ 5 ผลงานวิจัยเด่น ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน วทน. ด้วย AI ได้แก่

  1. Pathumma LLM: โมเดล AI ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเข้าใจบริบทและวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้ง โดยใช้เทคโนโลยี Multi-Modal AI ซึ่งรวม 3 ความสามารถหลัก ได้แก่ Text LLM สำหรับประมวลผลภาษาไทย Vision LLM สำหรับวิเคราะห์และเข้าใจภาพ และ Audio LLM สำหรับจดจำและตอบสนองต่อเสียงภาษาไทย ระบบถูกพัฒนาแบบ Open Source เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน ขับเคลื่อนการพัฒนา AI ไทย และรองรับการใช้งานในทุกภาคอุตสาหกรรม พร้อมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี AI ของสังคมไทย
  2. Genomics Medicine: การใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้านพันธุกรรมมนุษย์ (Genomics Medicine) เพื่อยกระดับการแพทย์ไทย ระบบสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์แบบเดิมร่วมกับข้อมูลพันธุกรรม ช่วยให้แพทย์ระบุตำแหน่งการกลายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุของโรคได้แม่นยำ นำไปสู่การวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย
  3. Hydrogen Economy: สวทช. ขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนแบบองค์รวม โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการพัฒนาไฮโดรเจนชีวภาพ (Biohydrogen) และไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) จากกระบวนการทางชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ในระบบเศรษฐกิจแบบ BCG ทั้งภาคพลังงาน การขนส่ง และอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการพัฒนายานยนต์ไฮโดรเจน (FCEV) ที่เป็นเทคโนโลยีสะอาดช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  4. การประยุกต์ใช้ AI เพื่อตรวจวัดและระบุไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำ: นวัตกรรมตรวจวัดไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำที่ประยุกต์ใช้ AI เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ ระบบสามารถจำแนกชนิดพลาสติก (PE, PP, PET, PS และ PVC) และปริมาณได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 นาที ด้วยอุปกรณ์แบบพกพาราคาประหยัด ทำให้การติดตามตรวจสอบไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำต่างๆ มีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูงขึ้น
  5. Gunther อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และแอปพลิเคชัน Janine: นวัตกรรมเฝ้าระวังการหกล้มและเคลื่อนไหวผิดท่าสำหรับผู้สูงอายุ ผสานการทำงานระหว่างเซนเซอร์ Gunther IMU ที่ช่วยบ่งชี้ท่าทางและการเคลื่อนไหว และแอปพลิเคชัน Janine ที่ประมวลและแสดงผลแบบเรียลไทม์ โดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการเรียนรู้ท่าทางจึงไม่ต้องตั้งโปรแกรมเฉพาะ ช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลติดตามและป้องกันความเสี่ยงต่อการหกล้มและการบาดเจ็บระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม OPEN HOUSE จำนวน 9 เส้นทาง  ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เข้าถึงห้องปฏิบัติการวิจัย รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศ จำนวน 2 วัน คือ วันที่ 26 และ 28 มีนาคม 2568  โดยมีเส้นทางที่น่าสนใจ อาทิ กลุ่มเกษตรอัจฉริยะ, กลุ่มเครื่องสำอางเพื่ออนาคต, กลุ่ม Wellness Tech เส้นทางสู่ “Thailand Health Hub” และกลุ่มอาหารและอุตสาหกรรมชีวภาพ รวมทั้ง กิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจด้าน AI และนวัตกรรม ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านเวิร์กช็อปและการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่เยาวชนสามารถมาทดลองเล่นและเรียนรู้ได้ในงาน คือ หุ่นยนต์นำทางในเขาวงกต NSTDA Micro-Mouse ที่จะช่วยส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และนวัตกรรม โดยเยาวชนที่เข้าร่วมงานประชุมวิชาการ สวทช. สามารถเข้าร่วมกิจกรรมกระทบไหล่ ‘ทีม BRR ROBOT’ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ จ.ฉะเชิงเทรา แชมป์การแข่งขันหุ่นยนต์นำทางในเขาวงกต NSTDA Micro-Mouse Contest ครั้งที่ 1 โดยสามารถร่วมกิจกรรมและทดลองเล่นจากสนามจริง ที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ในช่วงบ่ายของวันที่ 27 และ 28 มีนาคม 2568 ตลอดวัน เป็นต้น

ภาพแบนเนอร์การจัดงานการประชุมวิชาการประจำปี สวทช. ครั้งที่ 20

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและลงทะเบียนร่วมงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่ www.nstda.or.th/nac/    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2564 8000

แชร์หน้านี้: