หน้าแรก ENTEC สวทช. ร่วมมือ NEDO เปิดตัวไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เพื่อการขนส่งคาร์บอนต่ำ

ENTEC สวทช. ร่วมมือ NEDO เปิดตัวไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เพื่อการขนส่งคาร์บอนต่ำ

11 มี.ค. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพหมู่พิธีเปิดการนำร่องใช้งาน “ไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เพื่อการขนส่งคาร์บอนต่ำ”

(วันที่ 11 มีนาคม 2568) ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี: ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงานพิธีเปิดการนำร่องใช้งาน “ไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เพื่อการขนส่งคาร์บอนต่ำ” โดย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) เป็นประธานในงาน  พร้อม Mr. Hironori KAWAMURA, Chief Representative of Asian Representative Office in Bangkok ของ New Energy and Industrial Technology Development Organization (NEDO), Mr. Atsushi SUGIYAMA และ คุณสยามณัฐ พนัสสรณ์ จาก Sun-up Cooperation (Thailand) Co., Ltd.
Mr. Takahiko HISHIYAMA จาก Hidaka Yokoo Enterprises Co., Ltd. ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ENTEC และหัวหน้าโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

ภาพ ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC กล่าวถึงศึกษาวิจัยไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAM ในงานดังกล่าว

ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC เปิดเผยว่า ENTEC ได้เริ่มศึกษาวิจัยไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME (ไบโอดีเซลที่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพและคุณสมบัติให้ดีขึ้น) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 โดยได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก Japan International Cooperation Agency (JICA), Japan Science and Technology Agency (JST) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ไบโอดีเซลชนิดนี้มีความเสถียรที่สูง ทำให้สามารถผสมกับน้ำมันดีเซลในอัตราส่วนที่สูงขึ้น โดยมีการเริ่มทดสอบในรถกระบะ 4 ล้อที่ส่วนผสมร้อยละ 10 ในปี ค.ศ. 2012 ก่อนที่จะเพิ่มสัดส่วนเป็นร้อยละ 20 ในปี 2015 ด้วยระยะทางการทดสอบรวมมากกว่า 100,000 กิโลเมตร ผลการทดสอบในช่วงนี้พบว่าอัตราการสึกกร่อนของเครื่องยนต์ต่ำกว่าไบโอดีเซลธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเพิ่มสัดส่วนการผสมกับน้ำมันดีเซลสามารถขยายผลสู่การเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซลในน้ำมันเชิงพาณิชย์ และผ่านการทดสอบว่ารองรับการใช้จริงในรถยนต์สมัยใหม่มาตรฐานไอเสียยูโร 5

ภาพพิธีมอบไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เพื่อการขนส่งคาร์บอนต่ำ

สำหรับโครงการทดสอบล่าสุดซึ่งต่อยอดจากความสำเร็จในอดีต ENTEC ได้พัฒนาการผลิตและใช้งานไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME 100% ในประเทศไทย ซึ่งโดยได้รับการสนับสนุนจาก NEDO ในโครงการนี้ ENTEC สามารถสร้างโรงงานต้นแบบผลิตไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME อย่างต่อเนื่องเป็นครั้งแรก ผลการทดสอบพบว่า H-FAME 100% มีประสิทธิภาพเทียบเคียงน้ำมัน B7 ที่จำหน่ายทั่วไป และปล่อยฝุ่น PM น้อยกว่า การทดสอบภาคสนามในครั้งนี้ครอบคลุมการใช้งานจริงในรถกระบะ 4 ล้อ เป็นระยะทาง 10,000 กิโลเมตร รถบรรทุกของบริษัท Sun-up Cooperation (Thailand) Co., Ltd. และรถฟอร์กลิฟต์ของบริษัท Hidaka Yokoo Enterprises Co., Ltd. ซึ่งพบว่าสามารถใช้งานได้โดยไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ ความสำเร็จนี้สอดคล้องกับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2065 และตอบโจทย์กลยุทธ์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน (S&T Implementation for Sustainable Thailand) ของ สวทช.

ภาพ Mr. Hironori KAWAMURA, Chief Representative of Asian Representative Office in Bangkok ของ NEDO กล่าวถึงการสร้างโรงงานต้นแบบผลิตไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME

Mr. Hironori KAWAMURA, Chief Representative of Asian Representative Office in Bangkok ของ NEDO กล่าวว่า การสร้างโรงงานต้นแบบผลิตไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME อย่างต่อเนื่อง และการทดสอบใช้งานจริงในรถกระบะ รถบรรทุก และรถฟอร์กลิฟต์ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการผลักดันการใช้ไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคขนส่ง นอกจากนี้บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นหลายแห่งที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย ต่างแสดงความสนใจการนำไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME ไปใช้ในรถกระบะและรถบรรทุกในภาคขนส่ง รวมถึงเครื่องจักรกลหนักในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการยกระดับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดระหว่างประเทศญี่ปุ่นและไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

ภาพ Dr. Yuji YOSHIMURA, Senior Advisor at ENTEC ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “What is the Premium Biodiesel H-FAME”

ในงานนี้ Dr. Yuji YOSHIMURA, Senior Advisor at ENTEC ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “What is the Premium Biodiesel H-FAME” โดยเน้นถึงข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับไบโอดีเซลธรรมดา โดยเฉพาะคุณสมบัติด้านความเสถียรที่สูงกว่าการลดการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และการสึกกร่อนของเครื่องยนต์ที่น้อยกว่า ที่สำคัญคือสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 50% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลายในอนาคต นอกจากนี้ในแง่ของต้นทุน หากสามารถขยายกำลังการผลิตได้ ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นจากไบโอดีเซลธรรมดาเพียง 1 บาทต่อลิตร ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับ

ภาพดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ENTEC ภาพ ดร.พีรวัฒน์ สายสิริรัตน์ ENTEC

ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ENTEC และหัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทเอกชนในประเทศไทยและญี่ปุ่นหลายแห่งสนใจเทคโนโลยีไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME อย่างมาก เนื่องจากไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแต่ยังช่วยลดต้นทุนโดยรวมตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม

ภาพหมู่ ไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME เพื่อการขนส่งคาร์บอนต่ำ ถ่ายด้านนอกอาคาร บริเวณรถที่ใช้น้ำมันไบโอดีเซล ได้แก่ รถกระบะ รถโฟล์คลิฟท์ และรถบรรทุก

ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นความสนใจของภาคเอกชนคือ ต้นทุนการลดก๊าซเรือนกระจกที่สูงในปัจจุบัน รวมถึงมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ที่จะทำให้สินค้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีต้นทุนการส่งออกสูงขึ้น การนำ H-FAME มาใช้ในการผลิตและขนส่งจึงช่วยลดต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมและเสริมภาพลักษณ์องค์กรในด้านการลดก๊าซเรือนกระจก  ปัจจุบันโรงงานต้นแบบผลิตไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME สามารถผลิตไบโอดีเซลได้ 500 ลิตรต่อวันอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างหารือร่วมกับ NEDO เพื่อขยายกำลังการผลิตไปสู่โรงงานต้นแบบขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดทั้งในไทยและระดับสากล

ภาพไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME

“ไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME นับเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสูงสำหรับการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคขนส่ง สอดคล้องกับมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) และช่วยลดต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมให้แก่ภาคธุรกิจ ปัจจุบันโรงงานต้นแบบมีกำลังการผลิต 500 ลิตรต่อวัน และกำลังพัฒนาไปสู่โรงงานต้นแบบขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและระดับสากล”

โรงงานต้นแบบผลิตไบโอดีเซลพรีเมียม H-FAME

แชร์หน้านี้: