หน้าแรก จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.2 – ไบโอเทค สวทช. เปิดศูนย์นวัตกรรมอาหารและอาหารสัตว์ ยกระดับผู้ประกอบการแข่งขันทางธุรกิจ
จดหมายข่าว สวทช. ปี 2 ฉ.2 – ไบโอเทค สวทช. เปิดศูนย์นวัตกรรมอาหารและอาหารสัตว์ ยกระดับผู้ประกอบการแข่งขันทางธุรกิจ
12 พ.ค. 2559
0
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

alt

alt

ไบโอเทค สวทช. เปิดศูนย์นวัตกรรมอาหารและอาหารสัตว์

ยกระดับผู้ประกอบการแข่งขันทางธุรกิจ

alt

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) จัดพิธีเปิดศูนย์นวัตกรรมอาหารและอาหารสัตว์ (Food and Feed Innovation Center หรือ FFIC) ณ โถงชั้น 1 ทาวเวอร์ C อาคาร กลุ่มนวัตกรรม 2 (INC 2) อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
ประเทศไทยถือเป็นแหล่งทรัพยากรด้านอาหารที่สำคัญ  และเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่อันดับ 14 ของโลก โดยมีมูลค่าการส่งออกถึง 1 ล้านล้านบาทในปี 2557  คิดเป็น 9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ด้วยสภาพการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดอาหารโลก และความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป อุตสาหกรรมอาหารไทยจึงจำเป็นต้องขับเคลื่อนด้วย“นวัตกรรม” นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพยากรด้านอาหารและสร้าง โอกาสทางการตลาดใหม่ๆ

ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า “โครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ ฟู้ดอินโนโพลิส เป็นหนึ่งในซุปเปอร์คลัสเตอร์ที่รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมอาหาร โดยมุ่งเน้นที่จะดึงดูดบริษัทผู้ผลิต หรือวิจัยพัฒนาอาหารชั้นนำของโลกมาลงทุนในกิจการด้านนวัตกรรมอาหารในประเทศไทย และสนับสนุนให้บริษัทเอกชนไทยในทุกระดับตั้งแต่ Startup, SMEs ไปจนถึงบริษัทไทยขนาดใหญ่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะได้ประสานกับภาคส่วนต่างๆ ในการจัดสิทธิประโยชน์และแรงจูงใจ และมาตรการสนับสนุน

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สวทช. โดยไบโอเทค จึงได้จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอาหารและอาหารสัตว์ขึ้น เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์ไว้ที่จุดเดียว หรือ One Stop Service และด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถดำเนินงานวิจัยตั้งแต่ระดับห้องปฏิบัติการวิจัย สู่การทดสอบระบบการผลิตในระดับกึ่งอุตสาหกรรม จนได้ต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่พร้อมถ่ายทอดสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางจัดหาและปรับเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้เหมาะสมกับผู้ประกอบการในไทย และให้บริการทางวิชาการในด้านการเป็นที่ปรึกษา การให้บริการด้านเทคนิค การให้บริการเช่าเครื่องมือสำหรับภาครัฐและเอกชน และถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงการฝึกอบรมเฉพาะทางให้กับบุคลากร เกิดการประสานงานในการทำงานวิจัยอย่างใกล้ชิด แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ส่งผลให้งานวิจัยบรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การรับช่วงการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคเอกชน”

alt alt

ดร. กัญญวิมว์ กีรติกร ผู้อำนวยการไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า “อุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์ของประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงทั้งการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศและเพื่อการส่งออก เป็นเวลากว่า 30 ปีที่ไบโอเทคได้ดำเนินงานวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพด้านการเกษตรและอาหารเพื่อปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตร ยกระดับมาตรฐานการผลิตอาหารของผู้ประกอบการให้มีคุณภาพและความปลอดภัย ในยุคที่ตลาดมีการแข่งขันสูง จำเป็นอย่างยิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมจะต้องสร้างนวัตกรรมของตนเอง”

ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพอาหาร ไบโอเทค กล่าวเสริมว่า “ศูนย์นวัตกรรมอาหารและอาหารสัตว์จัดตั้งขึ้นด้วยงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท มีทีมวิจัยประมาณ 40 คน ที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลาย ตั้งแต่ การคัดเลือกจุลินทรีย์ที่มีความสามารถพิเศษ เทคโนโลยีการหมัก เทคโนโลยีชีวกระบวนการ การประเมินความเสี่ยงความปลอดภัยในอาหาร เคมีอาหาร การผลิตสารมูลค่าสูงจากวัสุดเศษเหลือจากการแปรรูปอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ เปปไทด์ต้านจุลชีพ  วิทยาศาสตร์เนื้อสัตว์ และ nutrigenomics เป็นต้น โดยศูนย์ฯ มีห้องปฏิบัติการวิจัยตั้งอยู่ที่ขั้น 9 ทาวเวอร์ B ของอาคาร กลุ่มนวัตกรรม 2 มีเนื้อที่ประมาณ 900 ตารางเมตร มีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยพร้อมสำหรับการวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรม

ตัวอย่างผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จ ในด้านเทคโนโลยีจุลินทรีย์ต้นเชื้อบริสุทธิ์ เช่น ต้นเชื้อจุลินทรีย์บริสุทธิ์สำหรับหมักแหนม ผักกาดดองเปรี้ยว ด้านการผลิตเอนไซม์ที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์ เช่น อาหารหมักชีวภาพสำหรับสัตว์ ผลิตภัณฑ์เอนไซม์รวมสำหรับสัตว์ ด้านการผลิตสารมูลค่าสูง เช่น กระบวนการผลิตกรดไขมันไม่อิ่มตัวและโพลีแซคคาไรด์จากจุลินทรีย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ ด้านนวัตกรรมอาหาร เช่น คอลลาเจนชนิดผง ผลิตภัณท์โปรตีนไข่ พาสเจอร์ไรซ์ เป็นต้น”

12 พ.ค. 2559
0
แชร์หน้านี้: