IDA Platform ระบบนิเวศเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยก้าวกระโดดสู่อุตสาหกรรม 4.0
อุตสาหกรรม 4.0 คือ อุตสาหกรรมยุคใหม่ที่นำระบบไซเบอร์-กายภาพ (Cyber-Physical System: CPS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้เซนเซอร์หรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ในการตรวจจับ วิเคราะห์ และควบคุมการทำงานของเครื่องจักร แรงงาน รวมถึงกิจกรรมการผลิตแบบเรียลไทม์มาใช้เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ ปรับปรุง และปรับเปลี่ยนการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในภาพรวมประเทศไทย ณ ปี 2568 อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับ 2-3 หรือเริ่มมีการใช้งานเครื่องจักรอัตโนมัติบ้าง แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ก้าวกระโดดสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้สำเร็จ สาเหตุสำคัญมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีและขาดเงินลงทุน
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนา IDA Platform (Industrial IoT and Data Analytics Platform) เพื่อเป็นระบบนิเวศสำหรับผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และการเชื่อมต่อกับแหล่งเงินทุน ทั้งนี้ในการดำเนินงานได้รับการสนับสนุนจากเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi)
IDA Platform พร้อมสนับสนุน 5 เทคโนโลยีปิดช่องโหว่อุตสาหกรรม

ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ เนคเทค สวทช. อธิบายว่าปัจจุบันภายใต้ IDA Platform มีเทคโนโลยีหลักที่พร้อมให้บริการแล้ว 5 เทคโนโลยี เทคโนโลยีแรก คือ Smart OEE (Overall Equipment Effectiveness) ระบบวัดประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักรแบบอัตโนมัติและเรียลไทม์ เทคโนโลยีที่สอง คือ EES (Energy & Efficiency System) ระบบวิเคราะห์ปริมาณการใช้พลังงานและประสิทธิภาพของเครื่องจักรแบบอัตโนมัติและเรียลไทม์ เทคโนโลยีที่สาม คือ Acamp (Automated carbon accounting management platform) แพลตฟอร์มคำนวณค่าคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กรแบบอัตโนมัติและติดตามผลแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีที่สี่ คือ NomadML (โนแมดเอ็มแอล) ระบบ visual inspection หรือตรวจสอบคุณภาพชิ้นงานจากภาพถ่ายด้วย AI และเทคโนโลยีที่ห้า คือ Daysie – AIoT for Edge Computing Platform แพลตฟอร์มสำหรับสร้างแอปพลิเคชัน AIoT (Artificial Intelligence of Things) สำหรับติดตั้งบนเอดจ์คอมพิวติง (edge computing)
เทคโนโลยีทั้ง 5 นี้ผ่านการวิจัยและพัฒนาให้ผู้ประกอบการนำไปใช้งานร่วมกับเครื่องจักรที่มีอยู่ได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องจักรใหม่ พร้อมปรับเปลี่ยนจากอุตสาหกรรม 2.0 หรือ 3.0 สู่ระดับ 4.0 ได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนสูง นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้ยังมีแผนจะเพิ่มเทคโนโลยีอื่นเข้ามาในแพลตฟอร์ม เช่น เทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ (cybersecurity) และเทคโนโลยี Generative AI เพื่อสืบค้นและสอบถามข้อมูลเฉพาะขององค์กร เช่น แนวทางซ่อมบำรุงเครื่องจักร, ข้อแนะนำการปฏิบัติงานของบุคลากรแต่ละหน้าที่
ดร.พนิตา อธิบายว่า เทคโนโลยีข้างต้นพัฒนาขึ้นจากการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการว่าโรงงานต้องเผชิญปัญหาการผลิตอย่างไรบ้าง โดยเทคโนโลยีทั้ง 5 ภายใต้ร่ม IDA Platform ณ ปัจจุบัน มีศักยภาพในการช่วยวัดประสิทธิภาพการทำงานของสายการผลิต และสะท้อนถึงปัญหาหรือช่องโหว่ที่ก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรทั้งพลังงาน เครื่องจักร วัตถุดิบ และเวลาเกินความจำเป็น ซึ่งหากผู้ประกอบการทราบปัญหาได้รวดเร็วและตรงจุด จะทำให้เกิดการแก้ไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตได้ทันท่วงที นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าทั้งภายในประเทศและกับประเทศคู่ค้า
“ตัวอย่างการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ เช่น บริษัทอาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมหวาน ได้ใช้เทคโนโลยีภายใต้ IDA Platform ตรวจวัดการใช้พลังงานของระบบทำความเย็นและห้องเย็นของโรงงาน ผลจากการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ทำให้พบจุดที่ใช้พลังงานสูง นำไปสู่การวิจัยระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อลดการใช้พลังงาน นอกจากนี้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงานไฟฟ้ายังนำไปสู่การปรับเปลี่ยนเวลาเปิดใช้งานเครื่องจักรแต่ละเครื่องให้เป็นแบบไม่ต้องเริ่มทำงานพร้อมกันได้ (หากไม่มีความจำเป็น) เพื่อลดอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงในช่วงเวลาเดียวกัน (peak load) ซึ่งอาจทำให้พลังงานไฟฟ้าไม่เสถียรและทำให้ค่าไฟมีราคาสูง ผลจากการปรับเปลี่ยนทั้งหมดนี้ช่วยให้บริษัทประหยัดค่าไฟได้มากหลักแสนบาทต่อปี”


IDA Platform ระบบนิเวศสนับสนุนก้าวกระโดดสู่อุตสาหกรรม 4.0
ดร.พนิตา อธิบายว่า IDA Platform โดย SMC สวทช. เป็นมากกว่าแพลตฟอร์มให้บริการเทคโนโลยี เพราะยังเป็นแซนด์บอกซ์ (sandbox) ให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมก่อนปรับใช้จริงในโรงงานด้วย ทั้งนี้ SMC ได้ช่วยวางแผนขั้นตอนการก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ไว้ให้ผู้ประกอบการเป็น 3 ขั้นหลัก ขั้นแรกคือการประเมินสถานะระดับอุตสาหกรรมของโรงงานด้วยระบบ Thailand i4.0 Index ที่ สวทช. พัฒนาไว้เพื่อให้บริการการประเมินทั้งโดยผู้เชี่ยวชาญและการประเมินด้วยตัวเอง ซึ่งผลการประเมินจะชี้ให้เห็นระดับของอุตสาหกรรมทุกมิติที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กร และมิติที่ควรเร่งปรับปรุงก่อนเพื่อลดความสูญเสียและเพิ่มประสิทธิผล ผู้ที่สนใจติดต่อขอรับการประเมินรวมถึงประเมินออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.nstda.or.th/i4platform/i4-maturity/
“ขั้นที่สองคือขั้นเตรียมความพร้อม โดย SMC ได้เปิด SMC Academy เพื่อให้บริการอบรมทักษะที่จำเป็นแก่ผู้ประกอบการ วิศวกรโรงงาน และ SI (System Integrator) โดยมีพื้นที่สำหรับทดสอบ (testbed) ไว้ให้สมาชิกได้ทดลองใช้งานเทคโนโลยีและทำ PoC (Proof of Concept) เพื่อทดสอบแผนปรับปรุงโรงงานก่อนใช้งานจริง ซึ่ง SMC มีบริการที่ปรึกษาเพื่อช่วยเหลือด้านวิเคราะห์และวางแผนปรับปรุงโรงงานด้วย ขั้นสุดท้ายคือการลงมือปฏิบัติจริง SMC พร้อมให้บริการทั้งเทคโนโลยีราคาจับต้องได้ และการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับแต่ละโรงงาน นอกจากนี้ SMC ยังพร้อมช่วยเหลือด้านการจับคู่กับ SI ที่เหมาะสม และแนะนำแหล่งเงินทุนหรือโครงการสนับสนุนการยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0 ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยภายใต้ IDA Platform มีกิจกรรมสนับสนุนการลงทุนปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีพร้อมสนับสนุนเงินลงทุนโรงงานละ 100,000 บาทมาตั้งแต่ปี 2564 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ก็เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน มีความสามารถทางการแข่งขันทางการค้าทั้งในระดับภายในประเทศและระดับสากล”
สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี และสมัครเข้าร่วม IDA Platform ได้ที่ www.nectec.or.th/smc/ida-platform/
เรียบเรียงโดย : ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย : ภัทรา สัปปินันทน์
ภาพประกอบโดย : SMC เนคเทค สวทช. และภาพจาก Adobe Stock