วิธีหลีกเลี่ยงการลอกเลียน (plagiarism) ในงานเขียน
26 พ.ค. 2563
0
นานาสาระน่ารู้
แนวทาง 5 ข้อ เพื่อหลีกเลี่ยงการลอกเลียน (plagiarism) ในการเขียนผลงานวิชาการ
ความหมายของคำว่า Plagiarism ตามพจนานุกรม เช่น
- Cambridge Dictionary – กระบวนการหรือการปฏิบัติในการใช้ความคิดหรืองานของผู้อื่น และหลอกลวงหรืออวดอ้างว่าความคิดหรืองานนั้นเป็นของตนเอง
- Dictionary by Merriam-Webster – เพื่อขโมยและส่งต่อ (ความคิดหรือคำพูดของผู้อื่น) เป็นของตนเอง: เพื่อใช้ (ผลผลิตของผู้อื่น) โดยไม่ให้เครดิตแหล่งที่มา
การลอกเลียนผลงาน (plagiarism) หมายความถึง
- การใช้ความคิด ข้อความ หรือคำพูดของผู้อื่น โดยอวดอ้างว่าเป็นของตนเอง
- การลอกเลียนผลงานของผู้อื่นโดยไม่ให้เครดิต ไม่อ้างอิงแหล่งที่มา และไม่แสดงว่าข้อความหรือคำพูดที่คัดลอกมานั้นส่วนใดเป็นของผู้อื่น เช่น ด้วยการใส่เครื่องหมายอัญประกาศหรือเครื่องหมายคำพูด (“…”)
- การถอดความหรือการสรุปความโดยไม่ให้เครดิตหรือไม่อ้างอิงแหล่งที่มา
- การนำผลงานเดิมของตนเองทั้งหมดหรือบางส่วนมาใช้ซ้ำ โดยไม่แจ้งหรืออ้างอิงผลงานเดิมนั้น (self-plagiarism)
การลอกเลียนผลงาน ถือเป็นเรื่องที่ผิดจริยธรรม ผิดทางวิชาการและทางปัญญาอย่างร้ายแรง ส่งผลในทางลบอย่างมาก เช่น การเพิกถอนผลงาน การสูญเสียความน่าเชื่อถือและชื่อเสียง รวมถึงการดำเนินคดี
แนวทางในการหลีกเลี่ยงการลอกเลียนผลงาน (plagiarism)
- ถอดความ (Paraphrase) – อ่านงานต้นฉบับอย่างรอบคอบและพยายามทำความเข้าใจแนวคิดและบริบทของงานนั้นให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ถอดความได้อย่างถูกต้องและไม่เปลี่ยนความหมายของแนวคิดนั้น จากนั้นใช้คำของตัวเองเพื่อแสดงถึงงานต้นฉบับ โดยไม่ลืมที่จะอ้างอิงถึงงานต้นฉบับ เทคนิคที่มักมีการแนะนำคืออย่าจดบันทึกตามคำหรือข้อความที่ใช้ในงานต้นฉบับ และ อย่าเปิดงานต้นฉบับระหว่างที่เขียน
- อ้างคำหรือข้อความของงานต้นฉบับ (Quote) – ใช้เครื่องหมายเครื่องหมายอัญประกาศหรือเครื่องหมายคำพูด (“…”) เพื่อชี้แจงว่าคำหรือข้อความใดที่นำมาจากงานต้นฉบับ พร้อมระบุแหล่งที่มา การอ้างคำหรือข้อความของผู้อื่นถือเป็นการทำซ้ำคำหรือข้อความ ดังนั้นจึงควรพิจารณาคัดลอกคำหรือข้อความของผู้อื่นเท่าที่จำเป็น
- อ้างอิง (Citation) – การใช้ความคิด ข้อความ หรือคำพูดใดๆ ของผู้อื่น (รวมถึงในงานอื่นๆ ที่ผ่านมาของตนเอง) จำเป็นต้องอ้างอิงแหล่งที่มา ยกเว้นข้อเท็จจริงหรือความรู้ทั่วไป แต่หากไม่แน่ใจก็ควรใส่อ้างอิง ประโยชน์ของการอ้างอิง เช่น
- เพื่อรับทราบว่าเป็นการใช้ผลงานของผู้อื่น
- เพื่อแสดงว่าผู้เขียนได้อ่านและค้นคว้าข้อมูลอย่างกว้างขวาง
- เพื่อ Backup ความคิดและข้อโต้แย้งของผู้เขียนพร้อมหลักฐาน
- เพื่อแยกแยะความคิดเห็นและข้อโต้แย้งของผู้เขียนกับผู้อื่น
- เพื่อการตรวจสอบหรือเพื่อการติดตามรายการที่อ้างอิงถึงของผู้อ่าน
- จัดการรายการอ้างอิงที่ใช้ – เก็บและจัดการแหล่งข้อมูลที่อ้างอิงถึง โดยอาจใช้ซอฟต์แวร์สำหรับจัดการข้อมูลบรรณานุกรมและการอ้างอิง เช่น EndNote Mendeley และ Zotero เพื่อความสะดวกในการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของผลงานของผู้อื่น
- ใช้โปรแกรมเพื่อช่วยตรวจสอบความคล้ายคลึงกันของผลงาน – อาจใช้โปรแกรม เช่น iThenticate เพื่อช่วยแสดงให้เห็นถึงการพึ่งพาคำหรือข้อความของผู้อื่นในการเขียนผลงานว่ามีมากน้อยเพียงไรและอย่างไร และแสดงให้เห็นถึงการใช้การอ้างอิงที่สอดคล้องและสม่ำเสมอกันหรือไม่อย่างไร
อ้างอิง
- Enago Academy. (2020, April 7). How to avoid plagiarism in research papers (part 1).
https://www.enago.com/academy/how-to-avoid-plagiarism-in-research-papers/ - Enago Academy. (2020, March 11). How to avoid plagiarism in research papers (part 2).
https://www.enago.com/academy/avoid-plagiarism-part-2/ - Calonia, J. (2019, August 21). How to avoid plagiarism in your work: 5 effective methods.
https://www.grammarly.com/blog/5-most-effective-methods-for-avoiding-plagiarism/ - University of Sheffield. Plagiarism and referencing.
https://www.librarydevelopment.group.shef.ac.uk/preentry/plagiarism_referencing/plagiarism_referencing.pdf
26 พ.ค. 2563
0
แชร์หน้านี้: