หน้าแรก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2568

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2568

6 มิ.ย. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพเปิดข่าวสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2568

      วันที่ 6 มิถุนายน 2568 เวลา 14.30 น.  สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงาน “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2568”  ภายใต้แนวคิด “เทคโนโลยีเกษตรกรรมก้าวหน้า ส่งเสริมการทำนายุคใหม่ สืบสานศิลปาชีพร่วมสมัย ชาวนาไทยยั่งยืน” พร้อมพระราชทาน เกียรติบัตรแก่คณะกรรมการกลาง ศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2568  จำนวน 4 ราย  ผู้สนับสนุนการจัดงาน ฯ จำนวน 29 ราย  และทรงมี พระราชดำรัสเปิดงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2568  จากนั้นเสด็จฯ  พระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการงานด้านข้าวทั้งจากหน่วยงานภายในและภายนอกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทอดพระเนตรการแสดงโปงลาง ชุดกรมการข้าว เทิดไท้ กรมสมเด็จพระเทพ ฯ มิ่งขวัญแก้ว ชาวนาไทย และกำเนิดพระแม่โพสพ โดยเยาวชนอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน อรรคฮาตสี  ตลอดจนฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเกษตรกร

ภาพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภาพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2568

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านข้าวและชาวนา  จึงจัดงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2568 ระหว่างวันที่ 5 – 7 มิถุนายน พุทธศักราช 2568 ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร  ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ประชาชนรำลึกถึงความสำคัญของข้าว ในฐานะพืชที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนไทยมาอย่างยาวนาน รวมทั้งเชิดชูเกียรติชาวนาไทย และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตด้านการเกษตรที่ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว การยกระดับคุณภาพผลผลิตให้สนองความต้องการของตลาด การผลิตข้าวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกษตรกรที่เข้าร่วมงานได้รับทราบและนำไปประยุกต์ใช้ การจัดงานดังกล่าวเป็นแบบบูรณาการทุกภาคส่วน  ภายใต้แนวคิด “เทคโนโลยีเกษตรกรรมก้าวหน้า ส่งเสริมการทำนายุคใหม่ สืบสานศิลปาชีพร่วมสมัย ชาวนาไทยยั่งยืน”  โดยภายในงานได้จัดให้มีนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อกิจการด้านข้าวและชาวนาไทย นิทรรศการวิชาการด้านข้าว  การเชิดชูเกียรติชาวนา  การแสดงวัฒนธรรมประเพณีด้านข้าว  และกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาวนา และผู้สนใจทั่วไป

ภาพบรรยากาศในงาน ภาพบรรยากาศในงาน

โอกาสนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค-สวทช.) และ ดร.ศรีสวัสดิ์ ขันทอง หัวหน้าทีมวิจัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการเกษตรแบบแม่นยำ (APBT) ไบโอเทค-สวทช. ร่วมเฝ้ารับเสด็จฯ

ภาพบรรยากาศในงาน ภาพบรรยากาศในงาน

ภายในงาน สวทช. ได้นำผลงานวิจัยและพัฒนามาจัดแสดงนิทรรศการ ในระหว่างวันที่ 5–7 มิถุนายน 2568 โดยนำเสนอภายใต้แนวคิด “การพัฒนาระบบปลูกข้าวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสภาวะโลกรวน (NSTDA Climate-Smart Rice)”

ภาพบรรยากาศในงาน ภาพบรรยากาศในงาน

ไบโอเทค สวทช. มุ่งมั่นพัฒนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อยกระดับการผลิตข้าวไทยให้มีความยั่งยืน สามารถรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยผลงานสำคัญที่จัดแสดงประกอบด้วย 3 ด้าน ดังนี้

1. การพัฒนาพันธุ์ข้าวทนสภาวะโลกรวน

สวทช. โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ใช้เทคโนโลยีเครื่องหมายโมเลกุล (Molecular Markers) พัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่

- หอมสยาม: ข้าวหอม ผลผลิตสูง ต้านทานโรคไหม้ ทนน้ำน้อยและน้ำท่วมฉับพลัน

- หอมสยาม 2: ข้าวหอม คุณภาพกลิ่นดี ทนโรค น้ำท่วม ผลผลิตเฉลี่ย 600 กิโลกรัม/ไร่

- หอมชลสิทธิ์ 2: ข้าวเจ้าหอมนุ่ม ไม่ไวแสง ทนทานต่อน้ำท่วม โรคขอบใบแห้ง โรคไหม้ และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ผลผลิตสูง 800 – 1,000 กิโลกรัม/ไร่

- ข้าวพันธุ์ไบโอเทค 1: ข้าวขาวไม่หอม อายุเบา ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เหมาะกับพื้นที่นาชลประทาน ผลผลิตสูง ศักยภาพผลผลิต 1,500 กิโลกรัม/ไร่

พันธุ์ข้าวเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน และเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้แก่เกษตรกร

2. แพลตฟอร์ม AgriOmics

เป็นโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลพันธุกรรม (Genome) และลักษณะภายนอกของพืช (Phenomics) ช่วยวิเคราะห์กลไกทางพันธุกรรมระดับโมเลกุล เพื่อระบุยีนสำคัญในการเกษตรได้แม่นยำและรวดเร็ว ส่งผลให้สามารถปรับปรุงพันธุ์ ลดต้นทุน วางแผนการเพาะปลูก และจัดการศัตรูพืชอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ฐานข้อมูล NSTDA Rice Database

รวบรวมข้อมูลจีโนมของข้าวไทยกว่า 700 สายพันธุ์ ครอบคลุมความหลากหลายทางพันธุกรรมกว่า 13 ล้านตำแหน่ง พร้อมข้อมูลฟีโนไทป์ เช่น‌ คุณภาพเมล็ดข้าว การต้านทานโรค และการปรับตัวของพืช พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้นักวิจัยสามารถค้นหายีนและเครื่องหมายโมเลกุลเพื่อการปรับปรุงพันธุ์ข้าวได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

ภาพบรรยากาศในงาน ภาพบรรยากาศในงาน

การพัฒนาดังกล่าวเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับเกษตรกรรมไทยให้มีความยั่งยืน รองรับความต้องการของตลาด และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ

แชร์หน้านี้: