“วราวุธ” เผย พม. ปั้นผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ ตั้งเป้าขยายผลดูแลผู้สูงอายุเปราะบางหลักล้านคนทั่วประเทศ สวทช. หนุนระบบ “นิรันดร์” บริหารจัดการ-บริบาลผู้สูงอายุ ในชุมชน
(วันที่ 20 มีนาคม 2568) ณ โรงแรมริเวอร์ไซด์ บางพลัด กรุงเทพฯ: นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานพิธีมอบประกาศนียบัตรหลักสูตรผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ (บสส.) รุ่นที่ 2 ประจำปี 2568 จำนวน 311 คน และผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุที่มีผลงานโดดเด่น ปี 2567 จำนวน 5 คน พร้อมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ และบุคลากรกรมกิจการผู้สูงอายุ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ศ. นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กับ กรมกิจการผู้สูงอายุ โดย นายธนสุนทร สว่างสาลี อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวง พม. ทั้งนี้ภายในงานมีการรับมอบ ป้ายสนับสนุนการพัฒนาระบบการปฏิบัติงานสำหรับผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิ์ผู้สูงอายุ “Nirun for community” จาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. ซึ่งระบบ “นิรันดร์” เป็นระบบ Software บริหารจัดการสถานดูแลผู้สูงอายุ ออกแบบมาเพื่อใช้ในการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อสนับสนุนโครงการบริบาลสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน ที่ช่วยผู้บริบาลในการประเมินผู้สูงอายุ แนะนำกิจกรรมที่ผู้บริการต้องทำ บันทึกการลงไปทำงาน นำไปสู่การสรุปผลการทำงานของผู้บริบาล และสรุปผลสุขภาพผู้สูงอายุในโครงการได้ ซึ่งข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้บริหารของกระทรวง พม. ได้ใช้กำหนดยุทธศาสตร์ของการดูแลผู้สูงอายุ และยังตอบโจทย์ มิติลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ในเรื่องแพลตฟอร์มสนับสนุนการเข้าถึงสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ (AI-C) ตามกลยุทธ์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน (S&T Implementation for Sustainable Thailand) ของ สวทช. ในโอกาสนี้ทางกระทรวง พม. ยังรับมอบซิมการ์ดอินเทอร์เน็ตฟรี จากบริษัท บางกอก เทลลิ้ง จำกัด เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและดูแลผู้สูงอายุผ่านระบบออนไลน์ในพื้นที่ทั่วประเทศ
นายวราวุธ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตประชากร และปัจจุบันก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยมีผู้สูงอายุร้อยละ 20.69 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอด ที่มีผู้สูงอายุร้อยละ 28 ในปี 2576 เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับอัตราการเกิดใหม่ของประชากรวัยเด็กและวัยแรงงานที่ลดลง ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในหลายด้าน อาทิ เสถียรภาพด้านการเงินการคลังของประเทศ การจัดการระบบสวัสดิการเพื่อการดูแลผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศมีรายได้ในการจัดเก็บภาษีลดลง ในขณะที่ มีแนวโน้มสูงขึ้นที่ผู้สูงอายุจะอาศัยอยู่ลำพังคนเดียว ถูกทอดทิ้ง ขาดผู้ดูแล และผู้สูงอายุวัยต้นจะต้องดูแลผู้สูงอายุวัยปลาย กล่าวคือ ผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบางจะต้องดูแลกันเอง ซึ่งเป็นผลมาจากรูปแบบครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป
นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. ได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน (Infrastructure) เพื่อเป็นการปกป้อง คุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุในชุมชน ตาม “โครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน” ผ่านการปฏิบัติงานของผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ (Wellbeing and Life Protector) ทำหน้าที่ช่วยเหลือ ดูแล คุ้มครองพิทักษ์สิทธิ และพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่ครอบคลุม 5 มิติ ได้แก่ มิติด้านสังคม สุขภาพ เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยี เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตให้กับผู้สูงอายุ รวมถึงรองรับเป้าหมายสำคัญของประเด็นหลักในการขับเคลื่อนทศวรรษแห่งการสูงวัยอย่างมีสุขภาวะที่ดี ในกรอบของสหประชาชาติ (UN Decade of Healthy Ageing) โดยเฉพาะการจัดบริการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ และการเข้าถึงการดูแลระยะยาวในผู้สูงอายุ
สำหรับปี 2567 กระทรวง พม. โดย กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ได้นำร่องโครงการดังกล่าวใน 19 พื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สิงห์บุรี สกลนคร อุบลราชธานี สงขลา ปัตตานี ทำให้สร้างผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุที่มีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุครอบคลุมทั้ง 5 มิติ ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ ระยะเวลา 240 ชั่วโมง จำนวน 35 คน
และปี 2568 มีการต่อยอดขยายผลครอบคลุมทั่วประเทศ 156 พื้นที่ 76 จังหวัด ทำให้มีผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ 311 คน ส่งผลให้มีผู้สูงอายุได้รับการดูแลและคุ้มครองทางสังคม จำนวน 34,200 คน โดยที่ผ่านมามีการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวมถึงการฝึกงานตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม – 10 มีนาคม 2568 อีกทั้งมีการเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงานจริงในวันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป ซึ่งกระทรวง พม. โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กระทรวง พม. ได้จัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ ติดอาวุธ ทำงานร่วมกับเครือข่าย และการใช้ระบบการปฏิบัติงานสำหรับผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ “Nirun for Community” ระหว่างวันที่ 18 – 19 มีนาคม 2568
สำหรับแผนระยะยาว 3 ปี กระทรวง พม. จะผลักดันให้เกิดระบบการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ ด้วยผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุครอบคลุมทั่วทุกเทศบาล 2,472 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 5,300 แห่ง รวม 7,772 แห่ง ๆ ละ 4 คน รวม 31,088 คน ส่งผลให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลและคุ้มครองทางสังคม จำนวนทั้งสิ้น 3,108,800 คน อย่างไรก็ตามขอขอบคุณคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่สนับสนุนนวัตกรรมให้บริการผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ ทั้ง 12 แห่ง และพัฒนาระบบการปฏิบัติงานสำหรับผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ “Nirun for community” และบริษัท บางกอก เทลลิ้ง จํากัด ที่ได้สนับสนุนซิมการ์ดอินเทอร์เน็ตฟรี แบบไม่จำกัดปริมาณ (Unlimited Data) เป็นเวลา 4 เดือน
“นอกจากนี้ในอนาคต กระทรวง พม. จะมีการบูรณาการใช้แนวคิดของธนาคารเวลาของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เข้ามาผนวกกับโครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน ของ กระทรวง พม. เพื่อให้ทุกนาที ทุกชั่วโมงที่ผู้บริบาลทำงานสามารถเก็บเข้ากับธนาคารเวลาไว้ และในอนาคตหากผู้บริบาลแก่ตัวลงและที่ต้องการ ผู้มาดูแลตนเองบ้าง สามารถเบิกเวลาทำงานจากธนาคารเวลาได้ เพื่อให้ทุกชั่วโมง ทุกนาทีที่ทำงานดูแลคนอื่นไว้ สามารถนำมาใช้ดูแลตนเองได้บ้าง ซึ่งแนวคิดนี้นำร่องใช้จริงแล้วบางพื้นที่ในประเทศไทย อีกทั้งจะเป็นการจูงใจให้ผู้บริบาลเข้ามาดูแลผู้สูงอายุกันมากขึ้นจากที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์แล้ว ซึ่งมีประชากรสูงอายุ 14 ล้านคน” นายวราวุธ กล่าวทิ้งท้าย
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |