หน้าแรก จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.8 – แป้ง SAVA ฟลาวมันสำปะหลังไซยาไนด์ต่ำ ทางเลือกใหม่! สำหรับผู้ที่แพ้สารกลูเตน
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 3 ฉ.8 – แป้ง SAVA ฟลาวมันสำปะหลังไซยาไนด์ต่ำ ทางเลือกใหม่! สำหรับผู้ที่แพ้สารกลูเตน
9 พ.ย. 2560
0
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
บทความ

alt

แป้ง SAVA ฟลาวมันสำปะหลังไซยาไนด์ต่ำ

ทางเลือกใหม่! สำหรับผู้ที่แพ้สารกลูเตน

นักวิจัยไบโอเทค ร่วมกับสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรฯ คิดค้นนวัตกรรมอาหาร- ฟลาวมันสำปะหลังไซยาไนด์ต่ำ เพื่อใช้ทดแทนแป้งสาลีในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ต่างๆ อีกทั้งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่แพ้สารกลูเตน

ฟลาวมันสำปะหลัง เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ได้จากการแปรรูปมันสำปะหลัง (tapioca หรือ cassava flour) การผลิตฟลาวมันสำปะหลังสำหรับใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัยต่อการบริโภคควรใช้มันสำปะหลังชนิดหวานเนื่องจากมีปริมาณไซยาไนด์ต่ำ แต่เนื่องจากมันชนิดหวานมีปริมาณการปลูกน้อยและมีราคาสูง จึงทำให้ต้นทุนการผลิตสูง ในขณะที่มันสำปะหลังที่ปลูกกันมากและมีราคาถูกในประเทศไทย เป็นมันสำปะหลังชนิดขมที่มีปริมาณไซยาไนด์อยู่สูงซึ่งอาจเป็นพิษต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกระบวนการผลิตเพื่อลดปริมาณไซยาไนด์ให้ปลอดภัยต่อการนำไปบริโภค

ดร.สุนีย์ โชตินีรนาท นักวิจัยห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีแปรรูปมันสำปะหลังและแป้ง ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. กล่าวว่า “กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร (KAPI) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกันพัฒนากระบวนการผลิตฟลาวมันสำปะหลังในระดับอุตสาหกรรม (Mechanization Process) จากมันสำปะหลังชนิดขมที่มีปริมาณไซยาไนด์สูง โดยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตโดยใช้เครื่องจักรกลที่ประยุกต์มาจากกระบวนการผลิตแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตและสามารถทำการผลิตในปริมาณที่มากเพียงพอต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ที่จะนำฟลาวมันสำปะหลังไปใช้ประโยชน์ต่อไป นอกจากนี้การใช้มันสำปะหลังชนิดขมมาแปรรูปเป็นฟลาวมันสำปะหลังนี้ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับมันสำปะหลังอีกด้วย”

“ฟลาวมันสำปะหลังที่ได้มีปริมาณไซยาไนด์ต่ำอยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อการบริโภค ซึ่ง FAO/WHO ระบุไว้ใน Codex Alimentarius ให้มีปริมาณไซยาไนด์ในระดับไม่เกิน 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักแห้ง นอกจากนี้ฟลาวมันสำปะหลังที่ผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรมนี้ สามารถควบคุมคุณภาพด้านความหนืดให้มีคุณสมบัติที่ค่อนข้างสม่ำเสมอได้ ถึงแม้ว่าวัตถุดิบหัวมันสำปะหลังเริ่มต้นจะมาจากพันธุ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งฟลาวมันสำปะหลังนี้สามารถนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวได้หลายชนิด และใช้ในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ต่างๆ ได้หลากหลายชนิด เพื่อทดแทนฟลาวสาลีได้ในสัดส่วนร้อยละ 30-100

นอกจากนี้การใช้ฟลาวมันสำปะหลังทดแทนฟลาวสาลีได้ทั้งหมดในสูตรส่วนผสมจะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ที่มีมูลค่าสูง สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญคือผู้บริโภคที่แพ้โปรตีนข้าวสาลี หรือกลูเตน (wheat-sensitive patients) และผู้ป่วยที่เป็นโรคซีลิแอค (patients diagnosed with celiac disease; an autoimmune intestinal disease) ที่เกิดจากกลูเตน ดังนั้น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้บริโภค ปัจจุบันได้มีการเทคโนโลยีการผลิตฟลาวมันสำปะหลังในระดับอุตสาหกรรมให้กับบริษัท ชอไชยวัฒน์อุตสาหกรรม จำกัด ไปเรียบร้อยแล้ว”

ด้าน คุณพันธวุฒ กาญจนประภาส ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท ชอไชยวัฒน์ อุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า “บริษัท ชอไชยวัฒน์ฯ ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังมาเป็นเวลานานกว่า 60 ปี และทางบริษัทเห็นช่องทางการตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งประเทศไทยต้องมีการนำเข้าฟลาวสาลีจากต่างประเทศเพื่อนำมาทำเบเกอรี่เป็นจำนวนมาก ประจวบเหมาะกับการที่กลุ่มคนรุ่นใหม่หันมารักสุขภาพมากขึ้น และการที่คนแพ้ผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลี (สารกลูเตน) มีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะผลักดันให้แป้งฟลาวมันสำปะหลังเป็นที่รู้จัก เพื่อลดการนำเข้าแป้งฟลาวสาลีจากต่างประเทศ จึงเข้ารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตฟลาวมันสำปะหลังในระดับอุตสาหกรรมจาก สวทช. มาผลิตจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า ซาว่า (SAVA) แป้งเอนกประสงค์ไร้กลูเตน ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย”

คุณพันธวุฒ กล่าวต่ออีกว่า “ด้านกำลังการผลิตนั้น ปัจจุบันโรงงานมีการผลิตแป้งซาว่าอยู่ที่ 16 ตันต่อเดือน ซึ่งในอนาคตก็มีแผนจะขยายการผลิตให้ได้ 100 ตันต่อวัน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยแป้งซาว่ามีราคาขายอยู่ที่ 89 บาทต่อ 450 กรัม (ประมาณ 200 บาทต่อกิโลกรัม) ซึ่งมีราคาถูกกว่าแป้งปราศจากกลูเตนในท้องตลาดที่มีราคาอยู่ที่ 250-500 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ยังพบว่า แป้งซาว่า มีปริมาณไฟเบอร์และสารอาหารเทียบเท่ากับแป้งฟลาวสาลี ซึ่งสามารถนำมาใช้ทดแทนฟลาวสาลีในการทำเบเกอรี่ได้หลากหลาย อาทิ คุ้กกี้ ชูครีม ชิฟฟอน แพนเค้ก เค้กกล้วยหอม มัฟฟิน ครัมเบิ้ล วาฟเฟิล บราวนี่ ชีสเค้ก บัทเทอร์เค้ก โคนไอศกรีม เป็นต้น ซึ่งสูตรผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้รับการสนับสนุนจาก โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation and Technology Assistance Program: ITAP) สวทช. ”

ผลิตภัณฑ์ฟลาวมันสำปะหลังไซยาไนด์ต่ำ จึงถือเป็นนวัตกรรมอาหารที่น่าสนใจ อันเป็นผลงานการวิจัยและพัฒนาของนักวิจัยไทย ผลิตภัณฑ์ที่ได้นอกจากจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่แพ้สารกลูเตนแล้ว ก็ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้อีกด้วย

9 พ.ย. 2560
0
แชร์หน้านี้: